ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการ สสวท. เปิดเผยว่ายุทธศาสตร์สะเต็มศึกษาจำเป็นต้องมี 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เช่น ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน 2) การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษา 3) การพัฒนาครูและบุคลากรสะเต็ม และการส่งเสริมให้ทูตสะเต็ม เข้าไปมีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างแรงบันดาลใจต่ออาชีพด้านสะเต็ม และ 4) การปรับเปลี่ยนการประเมินในโรงเรียน และระดับชาติ ให้สอดคล้องกับสะเต็มศึกษา โดยมุ่งเน้นการประเมินความรู้ ควบคู่ไปกับทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี และพัฒนาระบบการประเมินให้ครอบคลุมการวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาในชีวิตจริง
ผู้อำนวยการ สสวท. ยังได้กล่าวถึงความก้าวหน้าในเรื่องนี้ว่าได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนจัดตั้งศูนย์สะเต็มศึกษาแห่งชาติกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจและยุทธศาสตร์ ตลอดจนมาตรการในการดำเนินงานร่วมกับศูนย์สะเต็มศึกษาภาค 13 ศูนย์เพื่อสร้างและพัฒนากำลังคนด้านสะเต็มศึกษาที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นในแต่ละท้องถิ่น โดยมุ่งสร้างโรงเรียนในสังกัด สพฐ. 91 โรงเรียน เป็นโรงเรียนต้นแบบของการเรียนการสอนสะเต็มศึกษา พร้อมทั้งขยายโรงเรียนเครือข่ายสะเต็มศึกษาให้ครอบคลุมทุกสังกัด ทุกเขตพื้นที่การศึกษา โดยกลไกการพัฒนาครูในรูปแบบ Train the Trainer สร้างและพัฒนาวิทยากรหลัก (core trainer) เพื่อพัฒนาวิทยากรท้องถิ่น (local trainer) และครูผู้สอนสะเต็มศึกษา (STEM teacher)
ขณะเดียวกันเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาให้นักเรียน ผู้ปกครองและครู จึงได้จัดกิจกรรม Thailand STEM Festival เป็นประจำทุกปีด้วย
ในส่วนของการเสวนา หัวข้อ "สะเต็มศึกษา: เรียนรู้เพื่อแก้ปัญหา พัฒนานวัตกรรม นำสู่อาชีพ" นั้น ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช รองโฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และบัณฑิตในโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) กล่าวว่า ประเทศไทยต้องการกำลังคนด้าน STEM จำนวนมาก ให้สอดคล้องกับนโยบายการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยกำลังคนด้าน STEM จำเป็นต้องมีทักษะในศตวรรษที่ 21 ซึ่ง World Economic Forum (WEF) ได้ให้นิยามไว้ครอบคลุมใน 3 มิติ ได้แก่
1. ทักษะในการดำรงชีวิต อาทิ การอ่านเขียน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ICT ฯลฯ
2. ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ได้แก่ การคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารและการทำงานเป็นทีม
และ 3. บุคลิกภาพแบบใหม่ เช่น การมีจิตอาสา ความเป็นผู้นำ ความเป็นผู้ริเริ่ม
ผศ.ดร.พลกฤต กฤชไมตรี จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกลของ สมาคมวิศวกรที่ปรึกษาเครื่องกลและไฟฟ้าไทย ได้กล่าวถึงแนวคิดการใช้วิศวกรรมในการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาว่า ในการทำกิจกรรมการเรียนรู้สะเต็มศึกษานั้นมีจุดเด่นอันหนึ่งคือการผนวกแนวคิดการออกแบบเชิงวิศวกรรม หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า engineering design process ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานเพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ภายใต้ข้อจำกัดด้านวัสดุ อุปกรณ์ เวลา ทุน หรือข้อจำกัดอื่นๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ของการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มีความคุ้มค่า ซึ่งแนวคิดคำว่าวิศวกรรมในบริบทของสะเต็มศึกษานี้จะไม่ได้หมายถึงเนื้อหาที่ลึกมากเหมือนการเรียนวิศวกรรมในระดับมหาวิทยาลัย และแนวคิดการแก้ปัญหาเชิงวิศวกรรมนี้จะนำมาซึ่งการได้ผลผลิตใหม่ๆ นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการปลูกฝังทักษะการทำงานให้ผู้เรียนเพื่อเป็นบุคลากรที่มีความพร้อมในการประกอบอาชีพในอนาคตต่อไป
ครูเสกสรร สรรสรพิสุทธิ์ ครูชำนาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษามีจุดเด่นที่การนำกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มาผนวกเข้ากับการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีที่อยู่ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทย กิจกรรมสะเต็มศึกษาเน้นการนำประเด็นหรือสถานการณ์ที่อยู่ใกล้ตัวนักเรียน อาจเป็นปัญหา เหตุการณ์ หรืออาชีพที่พบเห็นได้ในชุมชนมาเชื่อมโยงเข้ากับเนื้อหาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ สร้างโอกาสให้นักเรียนได้ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ที่ได้เรียนรู้ในชั้นเรียน และความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีหาวิธีการหรือพัฒนาชิ้นงานเพื่อแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ที่ครูนำเสนอ การจัดการเรียนรู้แบบนี้ช่วยให้นักเรียนได้เห็นประโยชน์ของความรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่นักเรียนใช้ในชั้นเรียน อีกทั้งเป็นการฝึกความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม เนื้อหาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และสถานการณ์ที่ครูกำหนดต้องสอดคล้องกับตัวชี้วัดในระดับชั้นที่นักเรียนศึกษาอยู่และต้องคำนึงถึงวิธีการเรียนรู้และความสามารถในการเรียนรู้ของนักเรียนในแต่ละวัย
และนายภักดี เหมทานนท์ ผู้อำนวยการ ร.ร.เบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช กล่าวว่า การผลักดันให้ สะเต็มศึกษาเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแบบองค์รวมในโรงเรียนได้นั้น ผู้บริหารสถานศึกษาต้องเอาจริงเอาจัง ส่งเสริมให้ครูทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องมีความตระหนักถึงความสำคัญของสะเต็มศึกษา และต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสะเต็มศึกษา โดยการบริหารจัดการการเรียนการสอนสะเต็มศึกษานั้น จะต้องให้สอดรับกับนโยบาย "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยโรงเรียนสามารถนำกิจกรรมสะเต็มศึกษาไปใช้จัดกิจกรรมได้เลย นอกจากนี้ผู้บริหารโรงเรียนต้องสนับสนุนการทำงานเชิงบูรณาการของครูใน 3-4 วิชาที่เกี่ยวข้องในสะเต็มศึกษา และต้องส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ร่วมกันของครู สร้างเป็นชุมชนของการเรียนรู้ของครู เพื่อช่วยกระตุ้นให้ครูปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน และตื่นตัวในการใช้สะเต็มศึกษา
สสวท.เชิญร่วมชมพิธีเปิดออนไลน์งาน "เทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 21"
ปิดเทอมนี้มาติดอาวุธทางปัญญา! สสวท. ชวน ครู นักเรียน และผู้สนใจ อ่านฟรี! นิตยสาร สสวท. เจาะลึก "กระบวนการคิดเชิงออกแบบ" เสริมทักษะคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
สสวท. เดินหน้าพัฒนาศักยภาพครูวิทยาศาสตร์ เปิดอบรมหลักสูตร วิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบ (ESS) เน้นบูรณาการ GLOBE สู่ห้องเรียน
ครูคณิตศาสตร์ ม.ต้น และ ม.ปลาย ห้ามพลาด! อบรมออนไลน์ฟรี "เปิดโลกการเรียนรู้ด้วยแชตบอต MathMeow Junior และ MathMeow"
สสวท. - Microsoft - ETDA ชวนครูทั่วประเทศอบรมฟรี "AI for Teachers" ยกระดับครูไทยสู่ยุคดิจิทัล สมัครได้ถึง 14 ตุลาคม 2568 นี้
สสวท. ชวนครูและนักเรียนไขปริศนา "พิซซ่า 9 นิ้ว vs 5 นิ้ว 2 ถาด" ผ่านคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน
สสวท.-สพธอ. ลงนาม MOU พัฒนาหลักสูตร "AI & Digital Ethics for Educators" ยกระดับการศึกษาไทยสู่การใช้ AI อย่างมีจริยธรรม
จากเกมสู่การเรียนรู้ คู่มือบอร์ดเกม "ทรัพย์สินทางปัญญา" พัฒนาทักษะการออกแบบและเทคโนโลยี
จันทรุปราคาเกิดขึ้นได้อย่างไร พาชั้นเรียนเข้าใจที่คลังสื่อการสอน สสวท.