ผลการวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทยระบุว่าไม่มีโครงการที่อยู่อาศัยระดับซุปเปอร์ไพร์มเปิดตัวช่วงปี 2012 ถึงปี 2014 ในภูเก็ต อย่างไรก็ตาม ราคาขายของโครงการซุปเปอร์ไพร์มที่เปิดตัวระหว่างปี 2007 ถึงปี 2011 และยังคงเปิดขายอยู่ในปี 2014 มีราคาขายอยู่ที่ 3 -7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อยูนิต
ตารางที่ 1: ราคาขายของโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ต
|
Project Name ชื่อโครงการ |
Launched เปิดตัวปี |
Unit Selling Price (Million THB ) ราคาขายต่อยูนิต (ล้านบาท) |
Unit Selling Price** (Million USD) ราคาขายต่อยูนิต ** (ล้านเหรียญสหรัฐ) |
|
Andara Signature |
2011 |
192 - 250 |
5 - 7 |
|
Amanpuri Phase II |
2011 |
208 - 350 |
5.8 - 9.8 |
|
Banyan Tree |
2008 |
100 - 125 |
2.8 - 3.5 |
|
Malaiwana |
2006 |
99.5 - 128.5 |
2.7 - 3.5 |
|
Istana* |
2007 |
127.5 - 253.5 |
3 - 7 |
|
The Estate at Mont Azure |
2015 |
266 - 532 |
7.5 - 15 |
|
Avadina Hills |
2015 |
355 |
10 |
** ราคาข้างต้นเป็นราคาขายจากนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นราคาพิเศษเฉพาะของทรัพย์สินที่นำมาขายใหม่
ที่มา: บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
คุณริษิณี กล่าวว่ากลุ่มผู้ซื้อโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ต ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติในแถบเอเชีย โดยเฉพาะชาวฮ่องกง สิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ ส่วนใหญ่ผู้ซื้อกลุ่มนี้ได้อาศัยและทำงานอยู่ในภูมิภาคนี้มานานหลายปีและรู้จักคุ้นเคยกับจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างดีจากการใช้เวลาพักผ่อนวันหยุด นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และแคนาดา และเอเชีย ที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งมักซื้อโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตไว้เป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหรือเพื่อการอยู่อาศัยหลังเกษียณ ผู้ซื้อกลุ่มนี้ยังลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ แห่งทั่วโลก ลูกค้ากลุ่มนี้มักอาศัยความพึงพอใจและผลตอบสนองทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ความคุ้นเคยกับทำเล รวมทั้งต้องการเยี่ยมชมโครงการ ก่อนตัดสินใจ ซึ่งอาจมีผลทำให้ช่วงเวลาการซื้อขายนั้นอาจยาวนานบ้างแล้วแต่กรณี คุณริษิณี กล่าวเพิ่มเติมว่าโดยเฉลี่ยแล้วขั้นตอนการขายตั้งแต่ต้นจนจบ ของโครงการระดับซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตมักใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี ปัจจัยสำคัญในการขายคือ สถานที่ตั้ง ทำเล ทัศนียภาพโดยรอบ สภาพแวดล้อม และโครงการที่พัฒนาในพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับสุดหรูในจังหวัดภูเก็ต มักเป็นโครงการวิลล่าที่มีราคาขายกว่า 100 ล้านบาทต่อหน่วย ส่วนใหญ่เป็นวิลล่าที่อยู่ติดริมทะเล และมีการบริหารจัดการโดยเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลก วิลล่าในประเภทนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยอย่างน้อย 4 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางสำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหารและเพื่อความบันเทิง พร้อมกันนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันระดับโลก เช่น ห้องออกกำลังกายส่วนตัว สปาและสระว่ายน้ำส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 1,000 ตารางเมตรบนพื้นที่กว่า 2 ไร่ (หรือ 3,200 ตารางเมตร) ของที่ดิน นอกจากนี้วิลล่าเหล่านี้ยังมีมาตรฐานการก่อสร้างอันดีเยี่ยม โดยใช้วัสดุ สเปค และรูปแบบการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้อยู่อศัยและการตกแต่งระดับพรีเมี่ยม
ภาพข่าว: ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ร่วมกับ เสนาฮันคิว เปิดโครงการคอนโดหรู “PITI EKKAMAI “ ส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดในย่านเอกมัย พร้อมให้สัมผัสความปีติตามแนวคิด IKIGAI
ภาพข่าว: ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยจับมือเรียลแอสเสทฯ แต่งตั้งนิติบุคคลอาคารชุด เดอะสเตจ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยศักยภาพ "เตาปูน-บางซ่อน” กับโอกาสการเป็นย่านที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยตลาดคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ไพรม์ในกรุงเทพฯ ยังคงดึงดูดนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่วิลล่าระดับซุปเปอร์ไพรม์ในภูเก็ตมีราคาพุ่งสูงขึ้นมาก
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยระบุการขยายระยะเวลาการเช่าที่ดินเป็นเวลา 99 ปี จะช่วย กระตุ้นการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยซัพพลายคอนโดมิเนียมในภูเก็ตสูงขึ้นในขณะที่ดีมานด์ลดลงเล็กน้อย
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยราคาขายคอนโดเกรดเอ ติดโค้งน้ำเจ้าพระยาพุ่งสูง
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอปีนี้ พื้นที่ถูกเช่าสูง ปีหน้า คาดอุปทานน้อย ราคาเช่าปรับตัวเพิ่มขึ้น