คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป จำนวน 2 เรื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ในวันนี้ (24 ธันวาคม 2558) เวลา 17.00 น. นายสรรเสริญ พลจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลงว่า
          1. คำร้องขอให้ถอดถอน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้กองทัพบกสั่งซื้อเรือเหาะในราคาสูงกว่าความเป็นจริง โดยเรื่องนี้จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่ากระบวนการจัดหายุทโธปกรณ์ดังกล่าว ได้มีการดำเนินการขออนุมัติแผนจัดหายุทโธปกรณ์สำหรับภารกิจหาข่าว เฝ้าตรวจพื้นที่และเส้นทางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งการจัดซื้อนั้นได้ทำการจัดซื้อทั้งตัวเรือเหาะและอุปกรณ์ตรวจการ ได้แก่ 
          1. เรือเหาะ Aeros 4oD จำนวน 1 ลำ
          2. กล้องตรวจการณ์เวลากลางวัน / กลางคืน Axsys V14 MS II จำนวน 2 กล้อง
          3. รถหุ้มเกราะกันกระสุน Grizzy เพื่อใช้เป็นรถ Command Control 
          4. ชิ้นส่วนซ่อมควบคู่ การบำรุงรักษา การฝึกอบรม การรับประกันชิ้นส่วนที่สำคัญ ระบบการติดต่อสื่อสารตามมาตรฐานของผู้ผลิต และระบบรับ - ส่ง และถ่ายทอดสัญญาณ (Uplink/Downlink) 
          ดังนั้น จึงทำให้มีมูลค่าสูงกว่าการจัดซื้อเพียงเรือเหาะอย่างเดียว และเรือเหาะที่ทำการจัดซื้อนั้นเป็นกรณีจำเป็นและเร่งด่วน จึงได้ดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ และเป็นเรือเหาะที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานผู้รับผิดชอบออกใบอนุญาตรับรองและกำกับดูแลความปลอดภัยของอากาศยานทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลังจากทำการจัดซื้อแล้วได้มีการใช้งานมาระยะหนึ่ง แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศและอากาศมีฝนตกชุก จึงได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนอุปกรณ์เปลือกนอกของเรือเหาะ เพื่อเพิ่มคุณภาพจากมาตรฐานเดิมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ จากการไต่สวนไม่ปรากฏพฤติการณ์หรือพยานหลักฐานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับการบริหารราชการ ในสังกัดกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยการปล่อยให้กองทัพบกสั่งซื้อเรือเหาะ ในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด 

          คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป

          2. กรณีกล่าวหา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี กรณีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติต่อหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตกรณีจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีอาญา ที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับ ความขัดแย้งทางการเมือง ใช้เป็นหลักประกันการปล่อยตัวชั่วคราว 
          เรื่องนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนได้ดำเนินการไต่สวนแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในการจ่ายเงินนั้นได้มีการนำเงินกองทุนยุติธรรมมาใช้ดำเนินการโดยเป็นไปตามข้อเสนอแนะคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ แต่ปรากฏว่าเงินงบประมาณกองทุนยุติธรรมมีจำกัดไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ จึงได้ของบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลางรายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นมาใช้ในการดำเนินการ ซึ่งทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 19 และมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ.2502 ประกอบกับการนำเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ได้มีการปฏิบัติเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร 0704/195 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 แล้ว และในการจ่ายงบประมาณเพื่อเป็นหลักประกันในครั้งนี้ได้มีการนำไปช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีอาญาที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งในทางการเมือง มิได้เฉพาะเจาะจงกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะมีทั้ง นปช. และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่างก็ได้รับเงินสนับสนุนเพื่อใช้ในการปล่อยชั่วคราวดังกล่าวนี้ด้วย และการประกันตัวผู้ต้องขังต้องผ่านการพิจารณาจากศาล ที่อนุญาตให้ประกันตัวและกำหนดวงเงินไว้ จากนั้น ต้องผ่านคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมตามหลักเกณฑ์ ของระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยกองทุนยุติธรรม พ.ศ.2553 และระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสนับสนุนหลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการปล่อยชั่วคราว พ.ศ.2554 ก่อน จึงจะสามารถนำเงินงบประมาณมาใช้เป็นหลักประกันตัวได้ และหลังจากได้รับการประกันตัวแล้ว คณะกรรมการบริหารกองทุนยุติธรรมยังได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมจากที่มีในระเบียบฯ เมื่อได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลในการรายงานตัวตามกำหนดนัด หากสัญญาประกันของศาลสิ้นสุดลง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะได้ดำเนินการขอรับหลักประกันคืนจากศาลต่อไป หากผู้ต้องขังหลบหนีจนเป็นเหตุให้ศาล มีคำสั่งริบประกันผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดทางแพ่ง ชดใช้เงินตามหลักประกันที่กองทุนยุติธรรมให้การสนับสนุน แก่ผู้ต้องขังกรณีดังกล่าวนี้จึงไม่ปรากฏว่าก่อให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด 
          คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่ให้แจ้งกระทรวงยุติธรรมติดตามเรื่องเงินที่ผู้ต้องหาหลบหนีให้กลับคืนมาเป็นของทางราชการด้วย


ข่าวจังหวัดชายแดนภาคใต้+สุเทพ เทือกสุบรรณวันนี้

WSOL จับมือธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการเงิน สู่ Sharia Digital Finance เต็มรูปแบบ

WSOL จับมือธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการเงิน สู่ Sharia Digital Finance เต็มรูปแบบธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ibank) ร่วมกับ WSOL ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีการเงิน เสริมความแข็งแกร่งการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ และก้าวสู่ Sharia Digital Finance Institution แบบครบวงจรในอนาคต มุ่งยกระดับคุณภาพบริการทางการเงินแก่ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ใช้บริการใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ibank) และ บริษัท ดับบลิว เอส โอ แอล จำกัด

นางสาวณิดา ทั่งวัฒโนทัย (ที่ 2 จากขวา) กร... STECH ร่วมสนับสนุนการรักษาเพื่อผ่าตัดหัวใจกับมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก — นางสาวณิดา ทั่งวัฒโนทัย (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีแล...

การใฝ่รู้ ขวนขวายหาโอกาสให้ตนเองได้มีความ... มอบโอกาสเด็กกำพร้า 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ได้เรียน — การใฝ่รู้ ขวนขวายหาโอกาสให้ตนเองได้มีความก้าวหน้าในชีวิตเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนใจอย่างมากโดยเฉพาะใน...

เนื่องด้วยสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที... สถาบันปิดทองหลังพระ ปฏิบัติการเชิงรุกฟื้นฟูการเกษตรหลังสถานการณ์น้ำท่วม — เนื่องด้วยสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ช่วงปลาย เดือนพฤศจิกายน ปี 2567 ...