เรื่องจริงที่โลกตะลึง!!!เมืองต้องขัง...ไร้ซึ่งทางรอด “โคโลเนีย หนีตาย”

28 Mar 2016
"โมโนฟิล์ม" ชวนพิสูจน์เรื่องราวเบื้องลึกอันแสนโหด เมืองที่ถูกปกปิดเป็นความลับ ล้อมรอบด้วยลวดหนาม ใครที่เข้าแล้วยากที่จะรอดกลับออกมา ในภาพยนตร์ดราม่าทริลเลอร์เรื่อง "โคโลเนีย หนีตาย"(COLONIA)นำแสดงโดย เอ็มม่า วัตสัน, แดเนียล บรูห์ล ผลงานกำกับและเขียนบทโดย ฟลอเรียน กัลเลนแบร์เกอร์
เรื่องจริงที่โลกตะลึง!!!เมืองต้องขัง...ไร้ซึ่งทางรอด “โคโลเนีย หนีตาย”

"โคโลเนีย หนีตาย" เป็นเรื่องราวที่สร้างจากเหตุการณ์จริง โดยนำเสนอเรื่องของ "เลน่า" (เอ็มม่า วัตสัน) และ "แดเนียล" (แดเนียล บรูห์ล) คู่รักหนุ่มสาว ที่ต้องมาพัวพันกับการรัฐประหารของประเทศชิลี ทำให้แดเนียลถูกจับ และส่งตัวไปที่ค่ายกักกันที่ชื่อ "โคโลเนีย ดิกนิแดด" เลน่าจึงพยายามหาทางเพื่อช่วยเหลือแฟนหนุ่มออกมาให้ได้ โดยการแฝงตัวเข้าไปสู่เมืองต้องห้ามแห่งนี้

เมือง "วิลล่า วิเอร่า" ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญชาวเยอรมัน พอล เชฟเฟอร์ ในปี 1961 เป็นค่ายนรกที่กลายมาเป็นสถานที่ที่ถูกสร้างมาเป็นภาพยนตร์ เดิมมีชื่อว่า "โคโลเนีย ดิกนิแดด" ที่แห่งนี้มีผู้อาศัยอยู่กว่า 300 คน ทุกคนยังชีพด้วยการทำเกษตรกรรม มีโรงเรียน โรงพยาบาล ลานบิน โรงอาหาร หรือแม้กระทั่งโรงไฟฟ้า แต่ทว่าสถานที่แห่งนี้กลับถูกปกปิดเป็นความลับ ล้อมรอบด้วยลวดหนามและหอสังเกตการณ์ ผู้ใดเข้าไปแล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวออกมา ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะต้องใช้ชีวิตตามกฎที่นักบุญ พอล เชฟเฟอร์ กำหนด และน้อยคนที่จะหนีรอดจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปได้ ฟลอเรียน กัลเลนแบร์เกอร์ ผู้กำกับเล่าที่มาของภาพยนตร์ว่า

"ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ และได้ยินเรื่องเมืองนี้ที่ชิลี ที่ใครเข้ามาอยู่ในเมืองนี้แล้วไม่สามารถหนีออกไปได้และต้องทนใช้ชีวิตอยู่ราวกับนักโทษ มันทำให้ผมประหลาดใจมากว่าจะมีเมืองแบบนี้อยู่จริง ยิ่งผมใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลเหล่านี้เท่าไหร่ ผมก็ยิ่งอยากรู้จักโลกของนักบุญ พอล เชฟเฟอร์ ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ผมอยากจะนำเสนอเรื่องของคู่รักที่ต้องเข้ามาอยู่ในเมืองแห่งนี้ และพยายามหาหนทางที่จะหนีออกมาให้ได้"

ติดตามเรื่องจริงอันแสนโหดร้ายของเมืองต้องห้าม "โคโลเนีย ดิกนิแดด" แห่งนี้ได้ใน "โคโลเนีย หนีตาย"(Colonia) 21 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

เรื่องจริงที่โลกตะลึง!!!เมืองต้องขัง...ไร้ซึ่งทางรอด “โคโลเนีย หนีตาย” เรื่องจริงที่โลกตะลึง!!!เมืองต้องขัง...ไร้ซึ่งทางรอด “โคโลเนีย หนีตาย”