กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คุมเข้มรับนโยบายรัฐบาล ป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) รวมทั้งอนุรักษ์ทรัพยากรและเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในอ่าวไทย เตรียมประกาศปิดอ่าวไทย : ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ฯระหว่างวันที่ 15 ก.พ. – 15 พ.ค. นี้ โดยให้กรมประมงเน้นดำเนินการอย่างเข้มงวดตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ซึ่งมีมาตรการที่เข้ม รัดกุมและบทลงโทษที่ค่อนข้างรุนแรงเป็นไปตามหลักสากล...หากพบการกระทำผิดให้จับกุมทันที ไม่มีผ่อนผัน
นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงเตรียมจัดพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ในฤดูปลาที่มีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน ฝั่งทะเลอ่าวไทย (ปิดอ่าว) ประจำปี 2559 (วันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคม 2559 รวม 3 เดือน) พื้นที่ประมาณ 26,400 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี โดยกำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิด ที่อาจส่งผลต่อการแพร่ขยายพันธุ์ของพ่อแม่พันธุ์และสัตว์น้ำวัยอ่อนในท้องทะเลอ่าวไทย โดยเฉพาะ "ปลาทู" ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่มีคุณค่าและความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศที่จำเป็นจะต้องดูแลรักษาทรัพยากรเหล่านี้ให้มีอยู่อย่างยั่งยืน ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 24 มกราคม 2550
สำหรับเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามตามประกาศฉบับนี้ ได้แก่
(1) เครื่องมืออวนลากทุกชนิดที่ใช้ประกอบกับเรือกล ยกเว้นเครื่องมืออวนลากที่ใช้ประกอบกับเรือกลลำเดียวที่ความยาวเรือไม่เกิน 16 เมตร ให้ทำการประมงได้เฉพาะในเวลากลางคืน (ตั้งแต่เวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น)
(2) เครื่องมืออวนติดตาที่ใช้ประกอบกับเรือกลทำการประมงด้วยวิธีล้อมติดปลาทูหรือด้วยวิธีอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน
(3) เครื่องมืออวนติดตาทุกชนิดที่ใช้ประกอบกับเรือกลทำการประมง ยกเว้น
ก. เครื่องมืออวนติดตาที่ใช้ประกอบกับเรือกลที่วางเครื่องกลางลำไม่มีเก๋ง (หลังคา) ขนาดความยาวเรือไม่เกิน 14 เมตร หรือการใช้เครื่องมืออวนติดตาที่ใช้ประกอบกับเรือยนต์เพลาใบจักรยาว
ข. เครื่องมืออวนติดตาที่ใช้ประกอบกับเรือกลและเครื่องมือกว้าน ช่วยในการทำการประมงโดยใช้อวนที่มีขนาดความลึกอวนไม่เกิน 70 ช่องตาอวน ความยาวอวนตั้งแต่ 4,000 เมตร ลงมาในขณะทำการประมงแต่ละครั้ง ทำการประมงในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 15 เมษายน ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ของทุกปี .
กรณีใช้อวนตามข้อ ข. วรรคแรกซึ่งมีความยาวอวนเกินกว่า 4,000 เมตร ขึ้นไป ในขณะทำการประมงในแต่ละครั้ง ห้ามใช้เครื่องมือกว้านช่วยในการทำการประมง การนับความยาวอวนให้นับความยาวอวนทั้งหมดรวมกันขณะทำการประมง
(4) เครื่องมืออวนล้อมจับทุกชนิดที่ใช้ประกอบกับเรือกลทำการประมง
(5) เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยก ที่ใช้ประกอบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
(เครื่องปั่นไฟ) ทำการประมงปลากะตัก
(6) เครื่องมืออวนรุนที่ใช้ประกอบกับเรือกลที่มีขนาดความยาวเรือเกินกว่า 14 เมตรขึ้นไป
ในการวัดขนาดความยาวของเรือกลที่ใช้ประกอบกับเครื่องมือทำการประมง ตามความในประกาศนี้ให้ใช้วิธีการวัดขนาดความยาวเรือตลอดลำ (Length Over All) หรือ (L.O.A.) คือ วัดความยาวเรือทั้งหมด วัดสุดหัวถึงสุดท้าย
บทกำหนดโทษ ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษ
1. ปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมื่นบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
2. ใช้เรือขนาดตั้งแต่สิบตันกรอสขึ้นไปแต่ไม่ถึงยี่สิบตันกรอสต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาท ถึง
หนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
3. ใช้เรือขนาดตั้งแต่ยี่สิบตันกรอสขึ้นไปแต่ไม่ถึงหกสิบตันกรอสต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึง
ห้าแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
4. ใช้เรือตั้งแต่ขนาดหกสิบตันกรอสขึ้นไปแต่ไม่ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบตันกรอส ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้า
แสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า
5. ใช้เรือขนาดตั้งแต่หนึ่งร้อยห้าสิบตันกรอสขึ้นไป ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าล้านบาทถึงสามสิบล้านบาท
หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า
และต้องรับโทษตามมาตรการทางปกครอง ดังนี้
1. ยึดสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงนั้นหรือเครื่องมือทำการประมง
2. ห้ามทำการประมงจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
3. สั่งพักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดครั้งละไม่เกินเก้าสิบวัน โดยจะสั่งห้ามมิให้ใช้เรือประมงนั้นจนกว่า จะ
สิ้นระยะเวลาการพักใช้ใบอนุญาตด้วยก็ได้
4. เพิกถอนใบอนุญาต และประกาศให้เรือประมงนั้นเป็นเรือที่ใช้ทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
5. กักเรือประมงหรือสั่งให้วางประกัน ในกรณีเรือประมงที่กระทำความผิดเป็นเรือประมงที่มิใช่เรือประมงไทย
ทั้งนี้ ในการตรวจตราและเฝ้าระวังการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) อย่างเข้มข้น โดยขณะนี้มีการทำแผนลาดตระเวนอย่างละเอียดตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกพื้นที่ปิดอ่าวฯ และหากพบการกระทำผิดจะเข้าจับกุมทันที โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายต่างๆ อาทิ ประมงอาสา ฅนเฝ้าทะเล ยุวประมง ฯลฯ ในการช่วยเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นผลพวงของความสำเร็จจากการปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความตระหนัก รักและหวงแหนในทรัพยากรพื้นถิ่นของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 พฤษภาคมของทุกปี จากข้อมูลการศึกษาวิจัยพบว่า ในท้องทะเลบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เป็นช่วงเวลาที่พ่อ –แม่พันธุ์สัตว์น้ำมีความสมบูรณ์เพศสูงและพร้อมที่จะวางไข่ ดังเห็นได้จากการเก็บข้อมูลจำนวนประชากรสัตว์น้ำเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงระหว่างและหลังมาตรการฯ โดยระหว่างปิดอ่าว
มีอัตราการจับเพิ่มสูงขึ้นจากก่อนปิดอ่าว 1.15 เท่า และหลังมาตรการฯ เพิ่ม 1.01 เท่า ซึ่งหากแยกเป็นประเภทและชนิดของสัตว์น้ำ พบว่า ปริมาณการจับปลาทูในช่วงหลังมาตรการปิดอ่าวสามารถจับได้สูงขึ้นกว่าก่อนมาตรการถึง 3.13 เท่า ปริมาณผลผลิตปลาทูในภาพรวมของปี 2558 ตลอด 9 เดือน อยู่ที่ 86,811.26 ตัน ซึ่งสูงกว่าปริมาณการจับในช่วงเวลาที่เท่ากันของปี 2553 – 2555 จึงแสดงให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวนี้สามารถสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลให้คืนกลับมาได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้ชาวประมงมีรายได้ในการประกอบอาชีพได้อย่างดี อีกทั้งประชาชนคนไทยได้มีสัตว์น้ำบริโภคตลอดไป โดยในปีนี้ กรมประมงได้กำหนดจัดพิธีประกาศปิดอ่าวฝั่งทะเลอ่าวไทย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 ณ ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร จึงขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่ทุกท่านไปร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีดังกล่าว สุดท้ายนี้ ฝากถึงพี่น้องชาวประมงขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด...อธิบดีกรมประมง กล่าว
"รมช.นเรศ" ลงพื้นที่เวียงป่าเป้า ตรวจแผนฟื้นฟูพื้นที่เกษตรเสียหายจากพายุยางิ
ต้นแบบแปลงใหญ่ 'ตะไคร้บ้านวงฆ้อง' จ.กำแพงเพชร รวมกลุ่มผลิตมาตรฐาน GAP สร้างรายได้ หนุนเศรษฐกิจชุมชน
เลขาธิการ สศก. เตรียมนำทีม ลุย Crop Cutting ภาคสนามเพชรบูรณ์ 27 ตุลาคมนี้ ลงพื้นที่แปลงข้าวโพดเกษตรกร ยกระดับข้อมูลแม่นยำพืชเศรษฐกิจของประเทศ
กยท. ร่วมมหกรรมเกษตรในร่มที่ใหญ่ที่สุดในไทย "FARM EXPO 2025" จัดเต็ม !! เนรมิตพื้นที่แสดงผลงาน ชู "ขับเคลื่อนนวัตกรรม ยางพาราไทย สู่โลกอนาคต
'โตโยต้า ฟาร์มเอ็กซ์โป' สร้างปรากฏการณ์คนล้นหลาม ร่วมชมมหกรรมเกษตรแห่งอนาคตที่ใหญ่ที่สุดในไทย ยกระดับเกษตรไทยสู่เวทีโลก ผสานนวัตกรรม-เทคโนโลยี สร้างฐานรากเศรษฐกิจไทยยั่งยืน
สศท.12 ชวนศึกษาวิถี เกษตรอินทรีย์ 'บ้านสวนน้อยชมจันทร์' จ.เพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบยั่งยืน
โครงการปรับปรุงคลองส่งน้ำ ท่ามะกา ระยะ 5 ช่วยเกษตรกร 40 ครัวเรือน ผลผลิตและรายได้เพิ่ม
"รมว.อรรถกร"นำ กระทรวงเกษตรฯ ผนึกกำลังภาคเอกชน พัฒนา 'จุลสาหร่าย' สู่พลังงานสะอาด-นวัตกรรมอาหารสัตว์ ยกระดับทรัพยากรชีวภาพ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี สรุปผลการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2568 ในพื้นที่ 8 จังหวัด 6 ศูนย์ปฏิบัติการ ภาคตะวันตก