ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ มาสเตอร์โพล เสนอผลวิจัยเอกสาร เรื่อง ศึกษาเปรียบเทียบรัฐบาลประชานิยม กับ รัฐบาลประชารัฐ: มุมมองเชิงยุทธศาสตร์ที่ควรจะเป็น

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ มาสเตอร์โพล (Master Poll) เปิดเผยผลวิจัยเอกสาร เรื่อง ศึกษาเปรียบเทียบรัฐบาลประชานิยมกับรัฐบาลประชารัฐ มุมมองเชิงยุทธศาสตร์ที่ควรจะเป็น ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 – 28 มกราคม ที่ผ่านมา พบว่า แนวทาง "ประชารัฐ" ของรัฐบาลรักษาผลประโยชน์ชาติและเพิ่มพูนผลประโยชน์ของประชาชนได้อย่างยั่งยืนแต่อยู่บนหลักการที่ว่า ประชารัฐต้องไม่ใช่ประชานิยม เพราะประชานิยมใช้งบประมาณแผ่นดินจ่ายตรงลงพื้นที่ฐานเสียงของนักการเมืองอย่างไม่เป็นธรรมต่อระบบการคลังและภาษีของประชาชนทั้งประเทศ แต่ประชารัฐที่ค้นพบในงานวิจัยนี้จะใช้ภาคนักลงทุนและภาคองค์กรที่ไม่ใช่ภาครัฐ หรือ NGO เป็นตัวขับเคลื่อนที่เรียกว่าโอเปอร์เรเตอร์ (Operator) โดยภาครัฐเป็นผู้ออกกฎระเบียบ กำหนดเป้าหมายในสัญญา และตรวจสอบประเมินผลหรือเรียกว่าเป็น เรคกูเรเตอร์ (Regulator) เปิดให้ภาคนักลงทุนและ NGO ที่ดีเข้าทำสัญญากับภาครัฐ ถ้าทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายรัฐบาลก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่กลุ่มนักลงทุนและ NGO จะกลายเป็นผู้จ่ายแทนที่เรียกว่าเป็นกลุ่มผู้ใจบุญสุนทาน (Philanthropists) รับผิดชอบประเทศชาติและประชาชนร่วมกัน          
          ดร.นพดล กล่าวต่อว่า จากการทบทวนยุทธศาสตร์แก้ปัญหาชาติของต่างประเทศที่ผ่านมา พบว่า ประเทศที่กำลังพัฒนาสามารถสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถสู่ความเป็นที่หนึ่งของโลกในด้านต่างๆ ได้เพราะรัฐบาลของประเทศเหล่านั้นทำงานร่วมกันอย่างแท้จริงกับภาคนักลงทุนและภาคองค์กรที่ไม่ใช่องค์กรภาครัฐหรือที่เรียกกันว่าเป็น ภาคอินเวสเตอร์ (Investor) กับภาคเอ็นจีโอ (NGOs) แต่ตรงกันข้าม หลายประเทศกลับมีรัฐบาลเป็นพระเอกแต่ฝ่ายเดียวโดยทำตัวเป็นผู้ออกกฎระเบียบและเป็นผู้ปฏิบัติหรือที่เรียกว่าเป็นทั้ง Regulator และ Operator มักจะมีปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในภาครัฐและถูกยึดอำนาจซ้ำซากวนอยู่ที่เดิมหรือย่ำอยู่กับที่ ไม่มีอะไรดีขึ้นหรือบางทีดูเหมือนจะดีขึ้นแต่ก็เป็นไปแบบไฟไหม้ฟาง สุดท้ายปัญหาที่ดูเหมือนว่าแก้ได้แล้วก็กลับล้มเหลวไป
          สำหรับประเทศไทย มีหลายโครงการที่เป็นแบบประชานิยมโดยรัฐบาลจากการเลือกตั้งในอดีตเป็นผู้ออกกฎเกณฑ์และตัดสินใจใช้งบประมาณแผ่นดินไหลลงไปยังกลุ่มและพื้นที่ฐานเสียงที่ต่างประเทศเรียกปรากฏการณ์นี้ว่าเป็น ธนกิจการเมือง (Money Politics) โดยมีการบริหารงบประมาณแผ่นดินแบบที่ทีมวิจัยนี้เรียกว่า เม็ดเงินหวานหมู (Pork-Barrel Politics) ที่หว่านลงไปในพื้นที่ฐานเสียงของรัฐบาลเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นธรรมด้านการคลังจากเงินภาษีอากรของประชาชนทั้งประเทศ เช่น โครงการจำนำข้าว โครงการประกันราคาข้าว และโครงการใช้งบประมาณแผ่นดินพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรีในอดีต เป็นต้น
          ผอ.ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ประกาศใช้แนวทางประชารัฐเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ชาติที่ว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทำให้แนวทางประชารัฐจึงไม่ใช่แนวทางประชานิยม แต่ผลวิจัยชิ้นนี้พบว่า ประชาชนเป้าหมายที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความแตกต่างระหว่าง แนวทางประชานิยม กับ แนวทางประชารัฐ เพราะยังคงเห็นว่ารัฐบาลแสดงบทบาทเป็นพระเอก เป็นทั้งผู้ออกกฎระเบียบและเป็นผู้ปฏิบัติเองเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ผลวิจัยชิ้นนี้พบว่า แนวทางประชารัฐที่แตกต่างจากประชานิยมของรัฐบาลนักการเมืองนั้น รัฐบาลจะเป็นผู้ออกกฎระเบียบ กำกับ ควบคุม ตรวจสอบและประเมินผลการทำงานของภาคนักลงทุนและภาคองค์กรที่ไม่ใช่องค์กรภาครัฐแต่มาเข้าลงทุนจ่ายเงินร่วมในโครงการประชารัฐเพื่อแก้ปัญหาสำคัญของชาติปกป้องรักษาผลประโยชน์ชาติและผลประโยชน์ของประชาชนทุกคนเป็นส่วนใหญ่ โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าภาคนักลงทุนและNGOs ทำงานได้ตามเป้าหมาย รัฐบาลก็จะจ่ายงบประมาณแผ่นดินให้ผู้ทำงานเหล่านั้น อันถือว่า ทุกภาคส่วนมารับความเสี่ยงและความรับผิดชอบต่อประเทศชาติร่วมกัน 
          เช่น ปัญหาราคายางพารา ถ้ารัฐบาลกำหนดเป้าหมายไว้ว่า ชาวสวนยางจะต้องขายยางได้ที่ราคากิโลกรัมละ 45 – 50 บาท โดยรัฐบาลเป็นผู้ออกกฎระเบียบและกำหนดเป้าหมายในสัญญาต่างๆ ให้ภาคนักลงทุนและองค์กร NGOs ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยทำงานเพื่อชาวสวนยางให้ได้ราคายางตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือเกินคาด ถ้านักลงทุนและ NGOs ที่เข้าร่วมโครงการประชารัฐทำได้สำเร็จ รัฐบาลก็จะจ่ายเงินให้ตามสัญญา แต่ถ้าทำไม่ได้ตามเป้าหมายในสัญญา รัฐบาลก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย
          อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยชิ้นนี้ค้นพบว่า โครงการประชารัฐของกระทรวงศึกษาธิการในรัฐบาลชุดนี้ภายใต้ชื่อ โครงการสานพลังประชารัฐเป็นโครงการที่ใกล้เคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้วโดยนำภาคนักลงทุนหรือ Investor หลายราย และตัวแทนภาคประชาสังคมมาร่วมพัฒนาทุนมนุษย์ยกระดับคุณภาพวิชาชีพอาชีวศึกษาเป็น Competitive Workforce โดยนักวิจัยเสนอให้ภาคนักลงทุนและภาคประชาสังคมเหล่านั้นเข้าร่วมโครงการประชารัฐทำสัญญากับรัฐบาลและจะมีโอกาสได้รับงบประมาณสนับสนุนตามสัญญาโดยรัฐบาลเป็นผู้จ่ายเมื่อกลุ่มนายทุนและภาคประชาสังคมทำงานได้ตามเป้าหมาย เช่น เด็กอาชีวะไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 มีทักษะวิชาชีพที่พัฒนาแล้วตอบโจทย์ความต้องการของนายจ้างได้ ตัวเลขลาออกกลางคันต่ำกว่าร้อยะ 3 ก็จะได้งบประมาณไปหลักร้อยล้านบาท แต่ถ้าทำไม่ได้ตามเป้าหมาย รัฐบาลก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่บรรดานักลงทุนเหล่านั้นจะกลายเป็นผู้จ่ายแทนรัฐบาลในโครงการประชารัฐนั้นถือว่าภาคนักลงทุนและ NGO เป็นกลุ่มผู้ใจบุญสุนทาน ( Philanthropist) ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของประชาชน
          "โดยสรุป ในแนวทางประชานิยม นักการเมืองจะแย่งกันเข้ามาออกกฎเกณฑ์ตัดสินใจใช้จ่ายงบประมาณให้ลงพื้นที่และกลุ่มฐานเสียงการเมืองของตน โดยภาครัฐเป็นผู้ปฏิบัติเสียเองเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำในการใช้งบประมาณที่ไม่เป็นธรรมต่อคนทั้งประเทศ ขณะที่กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐก็เสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเหยื่อความผิดฐานทุจริตคอรัปชั่นมากกว่านักการเมือง แต่แนวทางประชารัฐในความหมายของผลวิจัยชิ้นนี้เป็นการจัดระเบียบการเงิน การคลังใหม่โดยภาครัฐเป็นผู้ออกกฎระเบียบ ควบคุมกำกับ ตรวจสอบและประเมินผลการทำงานของกลุ่มนักลงทุนและกลุ่ม NGO ที่เข้าร่วมโครงการประชารัฐของรัฐบาล ถ้าทำงานได้ตามเป้าหมายรัฐบาลก็จ่ายให้ตามสัญญา แต่ถ้าทำงานไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเลย เงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศจะอยู่ครบ และกลุ่มองค์กรที่มาทำสัญญากับรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายเงินแทนรัฐบาลผลที่ตามมาคือ ทุกภาคส่วนร่วมกันรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชนตามเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มากกว่าแนวทางประชานิยม" ผอ.ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ กล่าว


ข่าวศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์+นพดล กรรณิกาวันนี้

เวทีสัมมนามองตรงกัน 'อนาคตประเทศไทยหลังเลือกตั้ง' ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ท้าทายจริง

สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับ สมาคมวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จัดงานเสวนาหัวข้อ "อนาคตประเทศไทย จุดเปลี่ยนที่ท้าทาย" โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.กระแส ชนะวงศ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน กล่าวปาฐกถาพิเศษถึงอนาคตประเทศไทย และมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศไทยกับประเทศจีน จากนั้นเป็นการเสวนาถึงทิศทางของประเทศไทยในอนาคต ปัญหาและข้อเสนอแนะ โดยวิทยากร ประกอบด้วย นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นางสาววทันยา บุนนาค พรรคประชาธิปัตย์ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร พรรคเสรีรวมไทย

ในโอกาสครบรอบ "100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอ... 100ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ46ปีสัมพันธ์ไทย-จีน — ในโอกาสครบรอบ "100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนและ 46 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน...

8 องค์กรพันธมิตรจับมือเปิดเวทีถก 100 ปีพร... สัมมนา "100ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ 46ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน" — 8 องค์กรพันธมิตรจับมือเปิดเวทีถก 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ 46 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน "อภิ...

พิธีเบิดศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีน ไทยจีนร่วมสร้างคลังสมองระดับชาติ ส่งเสริมการวิจัยหนึ่งแทบหนึ่งเส้นทาง

ศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย จีน หรือ The Belt and Road Cooperation Research Center ( CTC ) ซึ่งร่วมจัดตั้งโดย สถาบันวิจัยการพัฒนาและยุทธศาสตร์แห่งชาติ มหาวิทยาลัยประชาชนแห่งประ...

ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน มาสเตอร์โพล (Master Poll) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ที่สุดแห่งปี 58 ข่าวดีผลงานรัฐบาลในความทรงจำมนุษย์เงินเดือน

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA)...

ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เปิดข้อมูลวิจัยเชิงคุณภาพ เรื่องถอดรหัส เทียร์ 3 ค้ามนุษย์ของไทย: ถ้าไม่ทำในรัฐบาลนี้ ยากที่จะทำได้ในรัฐบาลหน้า

ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เผยข้อมูลย้อนหลัง 15 ปีรายงานอันดับเทียร์ค้ามนุษย์โดยกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ...

มาสเตอร์โพลล์ ผลวิจัยเสนอกฎหมายต่อต้านค้ามนุษย์ แรงงานบังคับและแรงงานเด็ก

ผลวิจัยพบ ช่องโหว่กฎหมายแรงงานทำไทยเดินตามต่างชาติ แนะปรับแก้ให้เป็นเอกภาพกับกฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นองค์ประกอบเดียวกัน ปกป้องผลประโยชน์ชาติและเงินในกระเป๋าของประชาชนทุกคน สกัดข้ออ้างในรายงานของต่างชาติโจมตีและกีดกันสินค้า...

เผย 15 ปัญหาสำคัญขัดขวางแก้ค้ามนุษย์ คณะวิจัยกังวลว่าไทยอาจถูกจัดอันดับขึ้นลง เหมือนเดิม เหตุแก้ปัญหาไม่ยั่งยืน ทำงานยึดตัวบุคคลมากกว่าระบบ

ต่างชาติมองว่าไทยทำไปแล้วได้อะไร (Outcome) มากกว่า ทำอะไรไปแล้วบ้าง (output) หวังการเปลี่ยนแปลงเกิดในยุคนี้ มากกว่ายุคการเมืองแบบดั้งเดิม ดร.นพดล กรรณิกา...

มาสเตอร์โพล (Master Poll)เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง

ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน มาสเตอร์โพล (Master Poll)เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ข่าวอะไรสร้างสุข ข่าวอะไรสร้างความกังวลในใจแกนนำชุมชน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เปิด...