นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) กล่าวว่า การขับเคลื่อนของพิพิธภัณฑ์ในยุคปัจจุบัน มิได้รองรับเพียงการรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติ แต่ยังขยายบทบาทสู่การพัฒนาการศึกษาของประชาชน อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืนในอนาคต อย่างไรก็ตาม โจทย์สำคัญของวงการพิพิธภัณฑ์ไทยคือจะทำอย่างไรให้กระบวนการถ่ายทอดประสบการณ์อันหลากหลาย มีความน่าสนใจ และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สพร. ในฐานะองค์การจัดการความรู้ขนาดใหญ่ จึงได้ร่วมกับ ศูนย์ภูมิภาคโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ในองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือศูนย์สปาฟา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย จัดงานประชุมวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ระดับนานาชาติ (Museum Forum 2016) ขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ในการทำงานด้านพิพิธภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านพิพิธภัณฑ์ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฯลฯ
โดยตั้งเป้าหมายให้คนในวงการพิพิธภัณฑ์ไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีโอกาสได้เปิดโลกทัศน์การสร้างสรรค์ ต่อยอดการพัฒนาองความรู้ด้านการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ พร้อมปรับบทบาทของพิพิธภัณฑ์ไทยให้มีความเชื่อมโยงกับสังคมมากขึ้น
นายราเมศ กล่าวต่อว่า งานดังกล่าวจัดขึ้นในรูปแบบของการบรรยายทางวิชาการ โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสแนวคิดและกระบวนการทำงานพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆ อาทิ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับงานพิพิธภัณฑ์ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ฯลฯ กับ 7 วิทยากรที่จะมาร่วมเผยไอเดียการบริหารจัดการวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ ทลายกำแพงพิพิธภัณฑ์สู่การเรียนรู้มิติใหม่ ภายใต้แนวคิด "Museum without Walls" อันประกอบไปด้วยหัวข้อการบรรยายดังต่อไปนี้
1) มรดกทางวัฒนธรรมกับการสื่อสารในโลกยุคดิจิทัล (Cultural Heritage at Your Fingerprints in The Mobile-first World) โดยคุณเคสเนีย ดุคฟิลด์ คาร์ยาคีน่า ผู้จัดการด้านยุทธศาสตร์นโยบายสาธารณะ สถาบันวิจัยกูเกิล นำเสนอแนวทางการอนุรักษ์และการเรียนรู้วัฒนธรรม ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตของคนในยุคศตวรรษที่ 21 พร้อมสะท้อนมุมมองที่ว่า โลกอินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่ของความเท่าเทียมที่เปิดโอกาสให้คนสามารถเข้าถึงมรดกวัฒนธรรม และศิลปะจากทั่วทุกมุมโลกได้ตลอดเวลา โดยช่วยลดข้อจำกัดทางกายภาพของพิพิธภัณฑ์ได้ เพียงอาศัยปลายนิ้วสัมผัส
2) การประยุกต์ใช้วัฒนธรรมไร้รูปสู่กระบวนการขับเคลื่อนพิพิธภัณฑ์ (Using Intangible Cultural Heritage to Move Beyond the Museum) โดยคุณธารา กูจาเดอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ศิลปวัฒนธรรมและชาติพันธุ์แห่งสาธารณรัฐประชาชนลาว แบ่งปันประสบการณ์การทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ห่างไกล ภายใต้กรอบคิดเรื่องวัฒนธรรมไร้รูปของยูเนสโก โดยมุ่งให้ชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการวิจัย เก็บรวบรวมฐานข้อมูลวัฒนธรรมไร้รูป อาทิ นิทาน ตำนาน ประเพณี พิธีกรรม ฯลฯ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการกำหนด เนื้อหา วิธีนำเสนอ การนำชม อันก่อให้เกิดการสร้างอัตลักษณ์ และความภาคภูมิใจในตนเอง
3) โปรแกรมการเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ (Museum Program for The Alzheimer's: Pilot Project in National Museum of Indonesia) โดยคุณเอนดริยาตี ระหะยู อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย บรรยายถึงโครงการจัดโปรแกรมการเรียนรู้ให้กับผู้สูงอายุที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงจาร์การ์ตา
ที่ต้องการเสนอให้เห็นว่า พิพิธภัณฑ์ควรเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนกลุ่มอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากกลุ่มที่เคยชินอย่างกลุ่มเยาวชนได้ โดยในโครงการนี้ ผู้ศึกษาใช้จารึกโบราณเป็นสื่อในการเรียนรู้ให้กับกลุ่มตัวอย่าง และได้รับผลตอบกลับที่น่าสนใจ
4) แนวคิดพิพิธภัณฑ์ไร้กำแพงกับการดำเนินงานพิพิธภัณฑ์ตามข้อแนะนำของยูเนสโก (Potential contribution of Museums without Walls in implementing the UNESCO Recommendations on Museums) โดย ดร.เซือง บิ๊ก แฮค หัวหน้าฝ่ายวัฒนธรรมแห่งสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ ประเทศไทย ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญ และบทบาททางสังคมของพิพิธภัณฑ์ในฐานะองค์กรที่จะผนึก บูรณาการ ช่วยเหลือชุมชนต่างๆ ให้สามารถเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงมหาศาลของสังคมได้
รวมถึงจะช่วยสร้างความเป็นพลเมือง และสะท้อนอัตลักษณ์ร่วมของกลุ่มชน ผ่านข้อเสนอแนะที่ผ่านการประชุมสามัญของยูเนสโกเมื่อปี 2015 ว่าด้วยการปกป้องคุ้มครอง การส่งเสริมงานด้านพิพิธภัณฑ์และวัตถุที่เกี่ยวข้อง
5) การให้การศึกษาเรื่องมรดกทางวัฒนธรรมแห่งสิงคโปร์แก่เยาวชนรุ่นใหม่ผ่านช่องทางพิพิธภัณฑ์ (Singapore's Little Treasure Project) โดยคุณอัสมา เอลเลียส ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ด้านการศึกษาและชุมชนจากคณะกรรมการมรดกแห่งชาติประเทศสิงคโปร์ แสดงตัวอย่างการทำงานนอกกำแพงพิพิธภัณฑ์ ผ่านแนวคิดและการดำเนินงานในการให้การศึกษาเรื่องมรดกวัฒนธรรมแก่เยาวชนสิงคโปร์ ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติ สิงคโปร์ ที่มุ่งสร้างพื้นฐานความเข้าใจในมรดกและความเป็นชาติให้กับเยาวชนตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การผลักดันให้โรงเรียนใช้เส้นทางมรดกวัฒนธรรม ในการเรียนการสอนนอกห้องเรียน การนำนิทรรศการที่มีเนื้อหาเน้นเรื่องพหุวัฒนธรรม ไปจัดแสดงตามที่สาธารณะต่างๆ
6) การมีส่วนร่วมของชุมชนในการสร้างและดำเนินงานพิพิธภัณฑ์ด้วยตัวเอง: ผ่านกรณีตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์ทันตวน (Community Involvement in Making Museum Exhibitions: A Case Study of Thanh Toan Museum) โดยคุณเหงวี่ยน ดึ๊ก ตัง เจ้าหน้าที่สำนักงานยูเนสโก ฮานอย ประเทศเวียดนาม นำเสนอเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ทันตวน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวิถีชีวิตของเกษตรกรในประเทศเวียดนามที่ชุมชนเป็นผู้ก่อตั้ง มีส่วนร่วมในการตีความเนื้อหา พัฒนานิทรรศการ ให้คำแนะนำหน่วยงานภาคีภายนอก ร่วมออกแบบ ร่วมตัดสินใจ และจัดโปรแกรมการเรียนรู้และการท่องเที่ยวชุมชน ร่วมกับผู้ร่วมพัฒนาพิพิธภัณฑ์จากภายนอกอย่างยูเนสโกเวียดนาม อันสะท้อนให้เห็นว่าเรื่องราวต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ไม่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ในขณะเดียวกันกระบวนการเรียนรู้จากในพิพิธภัณฑ์ก็เชื่อมโยงออกไปในชุมชนด้วย
7) 70 ปีหลังจากแนวคิดของอองเดร์ มาลโรซ์ ที่เป็นแรงบันดาลใจและแรงกระตุ้นให้เกิดพิพิธภัณฑ์ไร้พรมแดน (70 Years after Malraux's Museums without Walls: Its Inspiration and Resonance to Museum Practice in The Philippines) โดย ดร.อนา มาเรีย เธเรซ่า พี. ลาบราดอร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประเทศฟิลิปปินส์
อย่างไรก็ดี งานดังกล่าวนอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนแนวคิดการทำงานด้านพิพิธภัณฑ์ ก็ยังถือเป็นการสร้างเครือข่ายวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาอันเข้มแข็ง ที่อาจจะนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในภายภาคหน้า ทั้งนี้ องค์ความรู้ที่ได้จากการประชุมจะถูกนำมาเรียบเรียงและจัดพิมพ์เนื้อหาเพื่อเผยแพร่แก่บุคลากรในวงการพิพิธภัณฑ์ของไทยต่อไป โดยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนางานด้านพิพิธภัณฑ์ในอนาคต นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมการตัดสินการประกวดภาพยนตร์สั้น ในหัวข้อ "Museum without Walls" เพื่อสะท้อนมุมมองของคนรุ่นใหม่ในแง่มุมเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ ตลอดจนเพื่อนำเสนอแนวคิดที่ว่าการดำเนินงานด้านพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบันนั้นเป็นการเชื่อมโยงหลากหลายสาขาวิชาเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรม คติชนวิทยาประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ นิเทศศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้กว่า 5,000 แห่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค หากสถานที่เหล่านี้ได้รับการผลักดันและพัฒนาโดยบุคลากรด้านพิพิธภัณฑ์ผู้มีกรอบแนวคิดในการทำงานอย่างสร้างสรรค์ และพร้อมปรับตัวไปตามความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ก็จะส่งผลให้สังคมไทยก้าวสู่การเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ได้ในไม่ช้า อย่างไรก็ดี สพร. ได้กำหนดจัดงานประชุมวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ระดับนานาชาติ(Museum Forum 2016) ขึ้นในวันที่ 2 – 3 สิงหาคม 2559 ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ปทุมวัน กรุงเทพฯสำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-225-2777 หรือเข้าไปที่ www.facebook.com/museumsiamfan
รับมอบงานออกแบบการจัดแสดงวังสวนบ้านแก้วจากมิวเซียมสยาม
OKMD ลงนามบันทึกข้อตกลง กสศ. พัฒนาศักยภาพ ลดความเลื่อมล้ำด้านการศึกษา
OKMD จับมือ กสศ. ผลักดัน Mobile learning นำการเรียนรู้ไปให้ถึงเด็กยากจน ด้อยโอกาส ในพื้นที่ห่างไกล
มิวเซียมสยาม ชวนย้อนรอยมรดกทางวัฒนธรรม ในงานเทศกาลศิลปะ เปิดเกาะรัตนโกสินทร์ Cultural District 2023 พระนคร ออน ดราม่า 19 - 28 พ.ค. นี้
มิวเซียมสยามมุ่งเชื่อมโยงศิลปวัฒนธรรม ไทย-ออสเตรีย เปิดนิทรรศการ "Walls, Interrupted กำแพง ถูกขัดจังหวะ" ถอดเรื่องราวสถานที่และสถาปัตยกรรมในประเทศไทย ผ่านศิลปินชาวออสเตรีย
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จับมือมิวเซียมสยาม เปิดนิทรรศการพิพิธภัณฑ์ กทพ.
มิวเซียมสยาม ชวนรองผู้ว่าฯ กทม. และ The Cloud ร่วมแชร์มุมมอง ในงานเสวนาออนไลน์เรื่อง "108 เรื่องมิวเซียม กับ คนกรุงเทพ"
มิวเซียมสยาม ชวนเปิดมุมมองในงานเสวนาออนไลน์ Museum Meeting 2022 "ร่วมสร้างสรรค์ให้พิพิธภัณฑ์สนุกกว่าที่คิด" ผ่าน Museum Thailand Platform
มิวเซียมสยาม ชวนเสพงานศิลป์ในงานเทศกาลศิลปะเปิดเกาะรัตนโกสินทร์ Cultural District 2022: Arts in the Hotel วันที่ 9 - 15 กรกฎาคมนี้