“รัฐมนตรีเกษตรฯ” เน้นย้ำการปฏิรูปภาคเกษตรสมัยใหม่ ต้องส่งเสริมให้เกษตรกรร่วมคิด ร่วมทำ รวมกลุ่มบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งในภาคเกษตรกรรมยั่งยืน

15 Sep 2016
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสปาฐกถาพิเศษเรื่อง "การปฏิรูปภาคเกษตร" ในการประชุมสภาเกษตรกรแห่งชาติสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ว่า ปัจจุบันการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังตลาดโลกต้องให้ความสำคัญในด้านคุณภาพมาตรฐานด้านการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งผลิตได้ การผลิตสินค้าเกษตรไทยจึงต้อง "คิดใหม่ ทำใหม่" โดยเน้นด้านคุณภาพมาตรฐานมากกว่าด้านปริมาณ รวมทั้งต้องคำนึงถึงความต้องการของตลาด ขณะที่ด้านประมงต้องให้ความสำคัญในความร่วมมือการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุมระหว่างกัน (IUU Fishing) เพื่อให้ทั่วโลกเกิดการยอมรับและนำเข้าสินค้าประมงไทยเพิ่มมากขึ้น

สำหรับในปี 2559 กระทรวงเกษตรฯ ได้กำหนดนโยบายให้เป็นปีแห่งการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน ซึ่งการลดต้นทุนไม่ใช่เพียงลดค่าปุ๋ย ค่ายาเท่านั้น แต่จะทำอย่างไรให้เกษตรกรมีการลงทุนต่ำ เพิ่มผลผลิตในพื้นที่เดิมที่ทำอยู่ และส่งเสริมคุณภาพมาตรฐานในสินค้าเกษตรให้เพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน ซึ่งเชื่อมโยงถึงการบริหารจัดการด้านการตลาด และการผลิตสินค้าให้ตรงความต้องการของตลาด โดยเกษตรกรต้องใช้วิธีการบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อให้ต้นทุนต่ำ โดยในแต่ละพื้นที่จะต้องปลูกพืชให้เหมาะสม ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งเสริมใช้ Agri-Map ในการตรวจสอบความเหมาะสมในการปลูกพืชในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มปริมาณผลผลิตในพื้นที่ และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ เข้าไปให้ความรู้แก่เกษตรกร ควบคู่กับการส่งเสริมด้านการตลาด ผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรในทุกอำเภอ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ศูนย์เรียนรู้ ฯทุกแห่ง ต้องไม่เป็นแค่โชว์รูม แต่ต้องสร้างสมาชิกให้เพิ่มขึ้น ผ่านการส่งเสริมทำการเกษตรแบบสมัยใหม่ โดยใช้องค์ความรู้ในด้านต่างๆ ส่งเสริมเกษตรกรให้เกิดการรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ โดยนำเอาการตลาดมาเป็นตัวตั้งในการผลิตสินค้าเกษตร โดยในปี 2559 กระทรวงเกษตรฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ให้ได้ 650 แปลง ขณะนี้ดำเนินการได้ 500 กว่าแปลง คิดเป็นประมาณร้อยละ 80 ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 ได้ตั้งเป้าหมายในการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ให้ได้ 1,000 แปลงขึ้นไป พร้อมทั้งปฏิรูปภาคการเกษตรโดยส่งเสริมให้เกษตรกรเกิดการบริหารจัดการร่วมกัน ควบคู่กับการนำเอาเทคโนโลยีมาพัฒนาผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร โดยการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมผลิต ร่วมกันขาย ร่วมกันซื้อ เพื่อให้เกิดอำนาจต่อรองในตลาด ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ และสภาเกษตรกรแห่งชาติ จะต้องร่วมกันในการผลักดันและส่งเสริมภาคการเกษตรให้เกิดความเข้มแข็งและเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

"อย่างไรก็ตาม งานวิจัยของ FAO ได้ระบุเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหาร ว่า ในอีก 20 ปี ข้างหน้า อาจเกิดปัญหาวิกฤตอาหารโลก โดยอาหารมีจำนวนลดลง ในขณะที่ประชากรโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมองถึงพื้นที่ปลูกทางการเกษตรที่เหมาะสมที่สุดในโลกก็คือ ทวีปเอเชีย และมองลึกลงไปในทวีปเอเชีย ไทยก็เป็นประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะสมต่อการทำเกษตรกรรมมากที่สุด หากในวันนี้ทุกภาคส่วนร่วมกันพัฒนาภาคการเกษตรไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน อีก 20 ปีข้างหน้า ก็จะเป็นโอกาสของไทยที่จะเป็นประเทศมหาอำนาจด้านการผลิตสินค้าเกษตรได้" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว