ด้าน นางอุมาพร พิมลบุตร รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า คสช. จึงออกคำสั่งเพื่อกำหนดแนวทางในการควบคุมเรือประมงที่ไม่มีทะเบียนเรือ หรือมีทะเบียนเรือแต่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมง จะต้องแจ้งจุดจอดเรือที่ชัดเจนและให้อำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าในการล๊อคพังงา (เครื่องมือบังคับเรือ) เพื่อมิให้เรือเคลื่อนย้าย เว้นแต่เป็นการฉุกเฉิน จำเป็น และเจ้าของเรือเหล่านั้นจะต้องแจ้งการงดใช้เรือ หรือขอเปลี่ยนประเภทการใช้เรือ มิฉะนั้น จะเป็นเหตุให้นายทะเบียนเรือจำหน่ายทะเบียนเรือออกจากระบบได้ โดยเจ้าของเรือที่ดำเนินการดังกล่าวแล้วไม่จำเป็นต้องติดตั้งระบบติดตามเรือ (VMS) ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงไปได้ จากเดิมที่เรือประมงถูกกฎหมายบังคับให้ต้องติดตั้งระบบติดตามเรือ (VMS) ทุกกรณี แม้ไม่ได้ออกทำการประมงก็ตาม แนวทางดังกล่าวนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีเรือที่ไม่มีทะเบียนเรือหรือไม่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงออกมาทำการประมงได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดมาตรการเพื่อดูแลสวัสดิภาพของแรงงานประมง โดยกำหนดห้ามการขนถ่ายลูกเรือกลางทะเล เว้นแต่กรณีเพื่อความปลอดภัย ข้อพิพาทในเรือ และเหตุสุดวิสัยต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาความเสี่ยงที่แรงงานประมงจะต้องถูกบังคับให้ทำงานในเรือประมงในทะเลนานเกินไป ซึ่งเป็นมาตรการเสริมจากการควบคุมการทำการประมงในปัจจุบัน ที่เรือประมงแต่ละลำจะทำการประมงได้ไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ได้มีการแจ้งออกไปทำการประมงจากศูนย์ควบคุมการแจ้ง เข้า – ออกเรือประมง อีกทั้งยังได้เพิ่มมาตรการในการให้อำนาจแก่กรมประมง และกรมเจ้าท่าในการเปรียบเทียบปรับ สำหรับกรณีผู้กระทำผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทำการประมงที่ผิดกฎหมายก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นมาตรการที่ปรากฏอยู่ในกฎหมายฉบับต่าง ๆ อันจะช่วยให้ผู้ต้องหาที่ยินยอมรับผิดตามกฎหมายสามารถยุติคดี โดยการเปรียบเทียบปรับได้ มีผลทำให้การดำเนินคดีอาญายุติลง ช่วยให้คดีต่าง ๆ สามารถเสร็จลุล่วงไปได้โดยเร็ว สำหรับกลุ่มเรือประมงนอกน่านน้ำที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ซึ่งไม่สามารถขอรับใบอนุญาตออกไปทำการประมงได้ตามคำสั่งฯ นี้ ก็สามารถใช้วิธีการเปรียบเทียบปรับที่กำหนดไว้นี้เพื่อยุติการดำเนินคดี และสามารถขอรับใบอนุญาตออกไปทำการประมงได้ต่อไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้กรมประมง เร่งดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวอย่างเข้มงวด และให้รีบปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายไปให้เกิดความรวดเร็ว และเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ และโปร่งใส ตรวจสอบได้
"รมช.นเรศ" ลงพื้นที่เวียงป่าเป้า ตรวจแผนฟื้นฟูพื้นที่เกษตรเสียหายจากพายุยางิ
ต้นแบบแปลงใหญ่ 'ตะไคร้บ้านวงฆ้อง' จ.กำแพงเพชร รวมกลุ่มผลิตมาตรฐาน GAP สร้างรายได้ หนุนเศรษฐกิจชุมชน
เลขาธิการ สศก. เตรียมนำทีม ลุย Crop Cutting ภาคสนามเพชรบูรณ์ 27 ตุลาคมนี้ ลงพื้นที่แปลงข้าวโพดเกษตรกร ยกระดับข้อมูลแม่นยำพืชเศรษฐกิจของประเทศ
กยท. ร่วมมหกรรมเกษตรในร่มที่ใหญ่ที่สุดในไทย "FARM EXPO 2025" จัดเต็ม !! เนรมิตพื้นที่แสดงผลงาน ชู "ขับเคลื่อนนวัตกรรม ยางพาราไทย สู่โลกอนาคต
'โตโยต้า ฟาร์มเอ็กซ์โป' สร้างปรากฏการณ์คนล้นหลาม ร่วมชมมหกรรมเกษตรแห่งอนาคตที่ใหญ่ที่สุดในไทย ยกระดับเกษตรไทยสู่เวทีโลก ผสานนวัตกรรม-เทคโนโลยี สร้างฐานรากเศรษฐกิจไทยยั่งยืน
สศท.12 ชวนศึกษาวิถี เกษตรอินทรีย์ 'บ้านสวนน้อยชมจันทร์' จ.เพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบยั่งยืน
โครงการปรับปรุงคลองส่งน้ำ ท่ามะกา ระยะ 5 ช่วยเกษตรกร 40 ครัวเรือน ผลผลิตและรายได้เพิ่ม
"รมว.อรรถกร"นำ กระทรวงเกษตรฯ ผนึกกำลังภาคเอกชน พัฒนา 'จุลสาหร่าย' สู่พลังงานสะอาด-นวัตกรรมอาหารสัตว์ ยกระดับทรัพยากรชีวภาพ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี สรุปผลการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2568 ในพื้นที่ 8 จังหวัด 6 ศูนย์ปฏิบัติการ ภาคตะวันตก