ก.แรงงาน-พม.-สสส. ประกาศความร่วมมือเร่งจ้างงานคนพิการ 10,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2559

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ก.แรงงาน-พม.-สสส. ประกาศความร่วมมือเร่งจ้างงานคนพิการ 10,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2559 พร้อมนำข้าราชการ-เอกชน-ภาคประชาชนแสดงเจตนารมณ์ให้คนพิการมีอาชีพ มีงานทำเต็มตามศักยภาพ เป็นงานที่มีคุณค่าได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน 
          "สานพลังประชารัฐ สร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ 10,000 ตำแหน่ง" พร้อมประกาศความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)
          หม่อมหลวง ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานพร้อมสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานคนพิการเพื่อพัฒนาศักยภาพในการทำงานที่ดีขึ้น พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจในการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงาน ตามมาตรา 33 สถานประกอบการสามารถจ้างงานคนพิการเข้าทำงานในสถานประกอบการนั้นๆ หรือจะจ้างงานให้คนพิการทำงานในชุมชนตามภารกิจของสถานประกอบการ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามนโยบายของสถานประกอบการก็ได้ ถือเป็นการจ้างงานตามกฎหมายแรงงาน และมาตรา 35 สถานประกอบการรวมถึงหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจสามารถส่งเสริมให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการได้รับสัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จ้างเหมาบริการหรือจำหน่ายสินค้า ฝึกงาน ปรับสภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์เพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ จัดบริการล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใด สิ่งสำคัญที่สุดในการปฏิบัติตามกฎหมายเราเน้นให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการมีอาชีพ ดังนั้นนายจ้างหรือหน่วยงานของรัฐไม่ต้องกังวลว่าการปฏิบัติตามกฎหมายจะเกิดความยุ่งยาก กระทรวงโดยอธิบดีกรมการจัดหางานได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานให้สำนักงานจัดหางานเขตและจัดหางานจังหวัดแล้ว กระทรวงแรงงานพร้อมเดินหน้า เริ่มเดือน มิ.ย. 59 เพื่อเป้าหมายจ้างงานคนพิการ 10,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2559 - 2560 ทั้งนี้ยังมีภาคีเครือข่ายที่ทำงานด้านส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการต่างๆ เช่น มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ฯลฯ พร้อมอำนวยความสะดวกให้ทุกสถานประกอบการที่สนใจขยายการจ้างงานและส่งเสริมอาชีพคนพิการ
          นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าว พม. มีหน้าที่ในการประสานนโยบายร่วมกับทุกกระทรวงทบวงกรม เพื่อให้คนพิการได้รับการศึกษา มีงานทำ ดำรงชีวิตอิสระ หรือเรียกว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้กระทรวง พม. จะเน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากนั้นเรายังมีศูนย์ฟื้นฟูอาชีพและศูนย์พัฒนาอาชีพสำหรับคนพิการทั่วประเทศ ที่จะได้ช่วยฝึกอาชีพและเตรียมความพร้อมให้คนพิการ ก่อนที่จะประกอบอาชีพหรือเข้าทำงานในสถานประกอบการ ,หน่วยงานของรัฐ หรือการทำงานในชุมชนเพื่อปฏิบัติภารกิจอันก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเราจะเร่งรัดการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในการรับคนพิการเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐและเอกชน ซึ่งจากข้อมูลของกรมส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการ ปี 2559 (ข้อมูล ณ 31 มี.ค. 59) พบว่า คนพิการวัยแรงงานมีจำนวน 748,941 คน แบ่งเป็นสัดส่วนคนพิการที่ประกอบอาชีพแล้ว 213,896 คน (ร้อยละ 28.56) คนพิการที่สามารถประกอบอาชีพได้ที่ยังไม่ได้ทำงานมีจำนวน 397,800 คน คิดเป็นร้อยละ 53.11 ของคนพิการวัยแรงงานทั้งหมด ส่วนคนพิการที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เนื่องจากพิการมาก/ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีจำนวน 137,245 คน (ร้อยละ 18.33) ซึ่งตามกฎหมาย ได้กำหนดให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปต้องรับคนพิการเข้าทำงานในอัตราส่วนลูกจ้างต่อคนพิการ คือ 100 : 1 ทำให้จำนวนคนพิการที่สถานประกอบการต้องจ้าง มีจำนวน 55,283 ตำแหน่ง ในขณะที่สถานประกอบการสามารถจ้างงานคนพิการได้เพียง 34,383 ตำแหน่ง คิดเป็นร้อยละ 48 เท่านั้น ขณะที่ปี2558 มีเงินส่งเข้ากองทุนฯ กว่า 2 พันล้านบาท
          ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. โดยแผนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ ได้สนับสนุนแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแบบครบวงจร: สุขภาวะจากการทำงาน ภายใต้มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม เพื่อส่งเสริมให้คนพิการได้รับการจ้างงาน และการประกอบอาชีพให้มีรายได้ สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระและพึ่งพาตนเองได้ โดย สสส.สนับสนุนโครงการนำร่องการจ้างงานคนพิการ จากปี 2558 มีบริษัทที่นำร่อง 20 บริษัท เกิดการจ้างงานคนพิการจำนวน 229 คน ในปี 2559 ถือว่าประสบผลสำเร็จ รวม 2 ปี มีสถานประกอบการเข้าร่วมทั้งสิ้น 89 บริษัท ได้ขยายโอกาสการจ้างงานและส่งเสริมอาชีพคนพิการเพิ่มเป็นจำนวน 1,277 คน ซึ่งกระจายการปฏิบัติงานอยู่ทุกภาคของประเทศ และพร้อมร่วมสนับสนุนและบูรณาการงานด้านคนพิการในมิติอื่นๆ ที่ สสส.ดำเนินการอยู่เพื่อขับเคลื่อนให้บรรลุผลสอดรับกับเป้าของกระทรวงแรงงาน และ กระทรวง พม. ที่ต้องการบรรลุเป้าหมายจ้างงานคนพิการร่วมกัน 10,000 ตำแหน่ง ในปีนี้
          นายอภิชาติ การุณกรสกุล ประธานมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม กล่าวว่า จากการดำเนินแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแบบครบวงจร: สุขภาวะจากการทำงาน ในปี 2559 มีการจ้างงานคนพิการแบ่งเป็น การจ้างตามมาตรา 33 จำนวน 718 คน และสนับสนุนโครงการส่งเสริมอาชีพตามมาตรา 35 จำนวน 559 คน ทางโครงการฯ สามารถจัดหางานที่เหมาะสมให้กับคนพิการได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เช่น ให้คนพิการทำงานงานช่วยสอนหนังสือในโรงเรียน ทำงานในโรงพยาบาล ทำงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำงานพัฒนาชุมชนร่วมกับทีมพัฒนาชุมชนของบริษัท ฯลฯ และพบว่าคนพิการที่เข้าร่วมโครงการมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ก็รู้สึกพึงพอใจมากที่ได้ช่วยเหลือคนพิการและช่วยเหลือชุมชนไปพร้อมๆ กัน การจ้างงานคนพิการในชุมชนถือเป็นทางเลือกใหม่ในการที่จะพัฒนาศักยภาพคนพิการเพื่อสร้างโอกาสให้คนพิการได้เข้าสู่การจ้างงานโดยสถานประกอบการ เพื่อทำงานในชุมชนหรือองค์กรสาธารณประโยชน์ นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยโครงการฯ ดังกล่าวนี้จะดำเนินการควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมและพัฒนาให้คนพิการสามารถเข้าสู่การจ้างงานในระบบสถานประกอบการได้ในอนาคต
          ด้านนายสุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ เลขาธิการมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนา ตัวแทนเครือข่ายคนพิการกล่าวว่า มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ มีองค์กรด้านการส่งเสริมอาชีพคนพิการหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมกันทำงานตามประกาศความร่วมมือนี้ ซึ่งล้วนมีประสบการณ์และเครือข่ายในการทำงานกว้างขวางทั่วประเทศ โดยทำหน้าที่เป็นคนกลางในการรับสมัครคนพิการที่ต้องการมีงานทำผ่าน "โทรศัพท์สายด่วนคนพิการหมายเลข 1479" ให้บริการช่วงเวลา 8.00 – 20.00 น. ทุกวันยกเว้นวันหยุดราชการ มีการคัดกรองและส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำตามศักยภาพและความสนใจของคนพิการ พร้อมติดตามประเมินผลเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติอย่างถูกต้องเป็นธรรม พัฒนาและค้นหาแนวทางในการทำให้คนพิการมีอาชีพที่มั่นคงกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายระยะยาว คือ ทำให้คนพิการกว่า 3 แสนคนตามสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติ มีศักยภาพมีงานทำ

ก.แรงงาน-พม.-สสส. ประกาศความร่วมมือเร่งจ้างงานคนพิการ 10,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2559
ก.แรงงาน-พม.-สสส. ประกาศความร่วมมือเร่งจ้างงานคนพิการ 10,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2559
 

ข่าวกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์+พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์วันนี้

สธ.ยกระดับสถานประกอบการด้านอาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด ผ่านมาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร "SAN"และ "SAN Plus" "สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน" กว่า 436 แห่ง

นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดมหกรรมสถานประกอบการด้านอาหารเมืองร้อยเอ็ด : กินดี อยู่ดี ด้วยมาตรฐาน SAN และ SAN Plus ภายใต้โครงการการพัฒนายกระดับสถานประกอบการด้านอาหารให้ได้มาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร "SAN" และ "SAN Plus" จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมเป็นเกียรติ พร้อมด้วย นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย นาย

เริ่มแล้ว เวที "สานพลัง ปี 2568" รวมพลังภาคีสร้างเสริมสุขภาพทั่วประเทศ สร้างระบบสุขภาพใหม่ จากฐานรากสู่ชุมชนจัดการสุขภาวะตนเองอย่างยั่งยืน สสส.

ภาคีเครือข่าย 3,658 ชุมชนท้องถิ่น ผนึกกำลัง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สภาพัฒน์ เปิดเวที "สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน" ยกระดับน...

การเคหะแห่งชาติ เปิดเกมรุก อัดแคมเปญแรง "... การเคหะแห่งชาติรุกอัดแคมเปญ "ฉลองครึ่งปีทองกับการเคหะแห่งชาติ 2568" — การเคหะแห่งชาติ เปิดเกมรุก อัดแคมเปญแรง "ฉลองครึ่งปีทองกับการเคหะแห่งชาติ 2568" ชูดอ...