3 เรื่องควรรู้ก่อนตีตั๋วไป “ริโอเกมส์”

12 Jul 2016
นับถอยหลังอีกไม่นานก็จะถึงวันที่ชาวโลกรอคอยมาถึง 4 ปีเต็มกับมหกรรมกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ นั่นคือ มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 31 "ริโอเกมส์ 2016" ที่จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ ณ กรุงริโอ เดอ จาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ซึ่งจะมีทัพนักกีฬาจากทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเข้าร่วมชิงชัยในหลายประเภทกีฬา แน่นอนจะต้องมีเหล่ากองเชียร์ตามไปให้กำลังใจนักกีฬาไทยอย่างใกล้ชิดถึงขอบสนามกันเลยทีเดียว
3 เรื่องควรรู้ก่อนตีตั๋วไป “ริโอเกมส์”

แต่เมื่อเอ่ยถึงประเทศบราซิลในเวลานี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะนึกถึงการแพร่ระบาดของโรค "ไข้ซิกา" ซึ่งสร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาคมโลกอย่างมาก โดยองค์การอนามัยโรคได้ประกาศให้การระบาดของไวรัสซิกาเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับโลก นอกจากนี้ยังมี ซูเปอร์บั๊ก (Superbug) แบคทีเรียร้ายที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะอีกด้วย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของกองทัพนักกีฬา คณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกองเชียร์ที่จะเดินทางไปร่วมมหกรรมโอลิมปิกครั้งนี้ เรามีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกัน

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation BIM (โอเปอเรชั่น บิม)นักวิทยาศาสตร์ไทยคนแรกผู้คิดค้นวิธีการดูแลสุขภาพด้วยการสร้างภูมิสมดุล (Balancing Immunity) กล่าวว่า โรคที่สามารถคุกคามนักกีฬาและกองเชียร์ในโอลิมปิกครั้งนี้ก็คือไวรัสซิกา โดยมียุงลายบ้านเป็นพาหะเช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก อาการที่พบบ่อยคือ มีไข้ ผื่น ตาแดง ปวดข้อ ข้อบวม ปวดหลัง แม้จะยังไร้วัคซีนป้องกัน แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 7 วัน ที่ต้องระวังคือเด็กทารกที่หากติดเชื้อแล้วอาจทำให้มีศีรษะเล็กกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียซูเปอร์บั๊ก เอ็นดีเอ็ม-1ที่ต้องระวัง เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียตัวนี้แข็งแรงมากๆ ขนาดหมอสั่งยาต้านปฏิชีวนะ "คาร์บาเพเนมส์" ซึ่งเป็นยาทรงพลังที่สุด ยังไม่สามารถปราบซูเปอร์บั๊กจากอินเดียได้ ขณะนี้กลุ่มแพทย์ทั่วยุโรปกำลังเร่งระดมสมองเพื่อหาวิธีจัดการเชื้อตัวนี้

ดังนั้น หากท่านที่มีภารกิจเดินทางไป "ริโอเกมส์" ควรเตรียมรับมือโรคร้ายด้วยวิธีดังนี้ 1) แนะนำให้นักกีฬาและบรรดากองเชียร์ดูแลตัวเองไม่ให้ไปสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคนี้ สวมเสื้อผ้าให้มิดชิดไม่ให้โดนยุงกัด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสม่ำเสมอ 2) สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ไม่มีระบบระบายอากาศที่ดี 3) รักษาร่างกายให้อยู่ในภาวะภูมิสมดุลอยู่เสมอ โดยมีแนวคิดใช้กลไก "ธรรมชาติ" ดูแลร่างกายด้วยตัวเอง

ดร.พิเชษฐ์ อธิบายต่อว่า คนเรามีเม็ดเลือดขาวประมาณ 22,000 ล้าน – 55,000 ล้านเม็ด เป็นกองทัพธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์สามารถต่อกรกับโรคภัยได้ เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ระดับภูมิคุ้มกันเสียสมดุล ซึ่งหากสามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นจนกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ ร่างกายของเราก็จะแข็งแรงเพียงพอที่จะรับมือกับโรคต่างๆ ได้เอง

ซึ่งในช่วงที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสซิกาและแบคทีเรียซูเปอร์บั๊ก (Superbug) ดร.พิเชษฐ์ แนะนำว่า การสร้าง "ภูมิสมดุล" ด้วยการนำสารสกัดพืชไทย 5 ชนิด ได้แก่ มังคุด ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง บัวบก มาเสริมฤทธิ์กันจะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด Th1, Th9, Th17 และ Interleukin-18 (โดยพิสูจน์ด้วยการทดสอบจากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ซึ่งทำหน้าที่เสมือนกองทหารสื่อสาร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวกลุ่มเพชฌฆาต ในการรับมือการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น รา แบคทีเรียซูเปอร์บั๊ก รวมถึงไวรัสซิกาที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศบราซิลขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้กองทัพนักกีฬาและกองเชียร์ที่จะเดินทางไปร่วมมหกรรมโอลิมปิกครั้งนี้วิตกกังวลมากจนเกินไป เพราะหากรักษาระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สมดุล ควบคู่ไปกับการสวมเสื้อผ้ามิดชิด ทายากันยุงป้องกันมิให้ยุงกัด และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดของโรค โอกาสที่จะติดเชื้อจากโรคร้ายต่างๆ ก็จะน้อยลงหรือไม่มีเลย

3 เรื่องควรรู้ก่อนตีตั๋วไป “ริโอเกมส์” 3 เรื่องควรรู้ก่อนตีตั๋วไป “ริโอเกมส์” 3 เรื่องควรรู้ก่อนตีตั๋วไป “ริโอเกมส์”