มาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง สถานการณ์ยาเสพติดกับมุมมองต่อปัญหาที่เป็นอยู่

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          "ประชาชนร้อยละ 80 ไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดยกเลิกเมทแอมเฟตามีน หรือ ยาบ้า ออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 1 และมองว่าข้อเสนอให้แพทย์สั่งยาได้จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี"
          รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์(Master Poll) เรื่อง สถานการณ์ยาเสพติดกับมุมมองต่อปัญหาที่เป็นอยู่ :กรณีศึกษาตัวอย่างแกนนำชุมชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,102 ตัวอย่างจากจังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบใช้ความน่าจะเป็นทางสถิติแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายขั้น (Stratified Multi-Stage Sampling) จากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลแกนนำชุมชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยมีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน 2559 ผลการสำรวจ พบว่า 
          แกนนำชุมชนไม่ถึง 1 ใน 3 ที่การติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแนวคิดการยกเลิก "เมทแอมเฟตามีน" หรือ ยาบ้า ออกจากบัญชียาเสพติดรุนแรง โดยพบว่าส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ไม่เห็นด้วยหากจะให้ "เมทแอมเฟตามีน" หรือ ยาบ้า เป็นยาถูกกฎหมาย โดยจัดให้อยู่ในกลุ่มยารักษาโรค โดยระบุเหตุผลเพราะเกรงว่าจะมีการนำไปแปรสภาพให้รุนแรงมากกว่าเดิม รวมถึงคิดว่าเหมือนเป็นการส่งเสริมให้ติดยามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้โดยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 81.6) ยังมองว่า ในอนาคตหากจะมีการผลิตยาบ้าจำหน่ายในราคาถูก โดยแพทย์เป็นผู้จ่ายยาให้ผู้สมัครใจบำบัดนั้น น่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 61.2 เห็นว่า การทำให้ "เมทแอมเฟตามีน"หรือ ยาบ้า เป็นยาถูกกฎหมาย ไม่น่าจะช่วยลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดในสังคมไทยได้
          อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อไปกรณี ควรถอด "กัญชา และ กระท่อม" จากบัญชีพืชเสพติด เนื่องจากมีประโยชน์ในทางการแพทย์ด้วยเช่นกันนั้น ผลการสำรวจพบว่าแกนนำชุมชนร้อยละ 57.3 ระบุเห็นด้วย เพราะอย่างน้อยก็เป็นพืชที่มีประโยชน์ ถ้านำมาใช้ในทางที่ถูก รวมถึงมองว่าเป็นสมุนไพร เป็นพืชธรรมชาติ ที่ช่วยรักษาโรคของชาวบ้านมาแต่โบราณ ในขณะที่ร้อยละ 42.7 ระบุไม่เห็นด้วย เพราะเป็นสารเสพติดเหมือนกัน ที่มีโทษต่อร่างกาย /เป็นยาทำลายประสาท รวมถึงจะทำให้เด็กและเยาวชนให้ความสนใจในด้านนี้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม
          สำหรับความคิดเห็นกรณีหากจะมีการพิจารณากำหนดโทษสูงสุดของผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้เสพยาเสพติด เป็นโทษประหารชีวิตแทนการจำคุกตลอดชีวิต นั้นพบว่า มากกว่าร้อยละ 80 เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า ยาเสพติดเป็นความผิดรุนแรงควรได้รับโทษสูงสุด/จะทำให้คนมีความเกรงกลัวกฎหมายมากยิ่งขึ้น/เป็นตัวอย่างให้คนที่คิดจะทำตามได้คิดก่อนทำ ในขณะที่ร้อยละ 16.1 ระบุไม่เห็นด้วยเพราะเกรงว่า อาจมีการลงโทษคนผิด/อาจมีแพะถ้ากระบวนการสืบสวนยังไม่ดีพอ /โทษประหารง่ายเกินไป ต้องทำให้หลาบจำ ต้องจำคุกตลอดชีวิต และบางส่วนระบุว่าคิดว่ายังไม่ร้ายแรงจนต้องประหารชีวิต เพราะส่วนมากก็จะโดนหลอกมา
          ประเด็นสำคัญคือเมื่อสอบถามความคิดเห็นกรณีการหาซื้อยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนของตนนั้น พบว่า ร้อยละ 42.7 ระบุว่ายังสามารถหาซื้อได้ ในขณะที่ร้อยละ 37.2 ระบุ คิดว่าหาซื้อไม่ได้แล้ว และร้อยละ 20.1 ระบุไม่แน่ใจ ทั้งนี้เมื่อสอบถามต่อไปถึงความรุนแรงของสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนของตนโดยภาพรวมพบว่า ร้อยละ 14.2 ระบุปัญหาอยู่ในระดับรุนแรง จนสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน/ชุมชน ในขณะที่ ร้อยละ 40.5 ระบุมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ไม่รุนแรงจนถึงขั้นสร้างความเดือดร้อน และร้อยละ 45.3 ระบุคิดว่าหมู่บ้าน/ชุมชนของตนไม่มีปัญหายาเสพติดแล้ว
          นอกจากนี้แล้วผลการสำรวจ เมื่อสอบถามถึงหน่วยงานที่คิดว่าประชาชนจะไว้วางใจในการแจ้งเบาะแส และข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับยาเสพติดให้ทราบ นั้นพบว่าลำดับที่หนึ่งที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ คือ หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง/เจ้าหน้าที่ทหาร/คสช. (ร้อยละ 48.2) รองลงมาคือ ตำรวจ (ร้อยละ 22.7) และเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง/อำเภอ/ปลัดอำเภอ (ร้อยละ 9.1) ตามลำดับ ทั้งนี้ตัวอย่างแกนนำชุมชนร้อยละ 86.7 ระบุคิดว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้วในเรื่องการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ในขณะที่ร้อยละ 13.3 คิดว่ายังไม่ถูกทาง โดยอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรคือมักจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ รวมถึงการดำเนินงานตามนโยบายยังไม่มีความต่อเนื่อง ในขณะที่การปราบปรามก็ยังทำได้ไม่เด็ดขาดจริงจัง
          ประเด็นสำคัญสุดท้าย ตัวอย่างแกนนำชุมชนเกือบร้อยละร้อยละ (ร้อยละ 98.8 ) พร้อมที่จะสนับสนุนแนวทางของพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว. กระทรวงยุติธรรมในการเดินหน้าตามแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้าน ชุมชนมั่นคง ปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ. 2559-2560" (โปรดพิจารณารายละเอียดจากตาราง)

          คุณลักษณะทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
          ตัวอย่างแกนนำชุมชนร้อยละ 87.8 เป็นเพศชาย ในขณะที่ร้อยละ 12.2 เป็นเพศหญิง ร้อยละ 6.1 มีอายุต่ำกว่า 40 ปี ร้อยละ 26.1 ระบุอายุ 40-49 ปีและร้อยละ 67.8 ระบุอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้น ไป ทั้งนี้ เมื่อ พิจารณาจำแนกตามระดับการศึกษาที่สำเร็จมาชั้นสูงสุดพบว่า ร้อยละ 29.9 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น/ต่ำกว่า ร้อยละ 47.5 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ป.ว.ช. ร้อยละ 7.4 ระบุสำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญา/ป.ว.ส. และร้อยละ 15.2 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ตามลำดับ 
          ตัวอย่างแกนนำชุมชนร้อยละ 71.4 มีอาชีพประจำคือเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 14.3 ระบุประกอบธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย ในขณะที่ร้อยละ 14.3 ระบุมีอาชีพอื่นๆ อาทิ ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ และไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ ทั้งนี้เมื่อพิจารณารายได้ต่อเดือนของครอบครัวพบว่า ตัวอย่างแกนนำชุมชนร้อยละ 13.6 ระบุมีรายได้ครอบครัวไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 17.5 ระบุมีรายได้ครอบครัว 10,001–15,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 24.3 ระบุมีรายได้ 15,001-20,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่ตัวอย่างแกนนำชุมชนร้อยละ 44.6 ระบุมีรายได้ครอบครัวมากกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ตามลำดับ
          ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจำแนกตามรายภูมิภาคพบว่าตัวอย่างแกนนำชุมชนร้อยละ 34.1 อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือร้อยละ 25.4 ระบุอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ร้อยละ 18.3 ระบุอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ร้อยละ 13.4 ระบุอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ในขณะที่ร้อยละ 8.8 ระบุอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ


ข่าวชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน+นักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชนวันนี้

มาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับความสำเร็จในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์(Master Poll) เรื่อง โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับความสำเร็จในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 1,101 ชุมชน จาก 26 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี กาญจนบุรี ลพบุรี อ่างทอง ปราจีนบุรี ระยอง ตราด นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มุกดาหาร กาฬสินธุ์ สกลนคร เลย หนองคาย เชียงใหม่ พะ

มาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง มาตรา 44 กับกระบวนการทำอาร์ไอเอ (RIA)

แกนนำชุมชน หนุนรัฐทำประเมินผลกระทบการออกกฎหมายตาม ม.44 โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างการยอมรับและลดความขัดแย้ง รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in...

มาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง คนไทยเข้าใจรัฐธรรมนูญแล้วหรือยัง

มาสเตอร์โพลล์ เผยแกนนำชุมชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจและยอมรับทุกประเด็นร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองเก่าไม่ส่งผลกระทบต่อการลงประชามติ รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัย...

มาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง คนไทยเข้าใจรัฐธรรมนูญแล้วหรือยัง

มาสเตอร์โพลล์ เผยแกนนำชุมชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจและยอมรับทุกประเด็นร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองเก่าไม่ส่งผลกระทบต่อการลงประชามติ รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัย...

มาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง รัฐกับการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์(Master Poll) เรื่อง...

มาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง รัฐกับนโยบายจัดการศึกษาเรียนฟรี 15 ปี

รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์(Master Poll) เรื่อง รัฐกับน...

มาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง บริษัทประชารัฐเป็นอย่างไรในใจประชาชน

รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์(Master Poll) เรื่อง บริษัทประชารัฐเป็นอย่าง...