LHFund ประเมินตลาดหุ้นไทยน่าลงทุนระยะยาว แนะจัดพอร์ตกระจายลงทุนใน REITs รับเงินปันผลต่อเนื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LHFund ชี้ตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุนในระยะยาว หลังค่า PE ในปีหน้าที่จะปรับลดลงเหลือ13.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 15 เท่า แต่ถ้าดัชนีปรับขึ้นเกินกว่า 1,500 จุด นักลงทุนระยะสั้นต้องเพิ่มความระมัดระวังด้านผู้บริหารแนะนักลงทุนระยะยาว ให้กระจายการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาฯ REITs และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน มีโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอ พร้อมเผยอยู่ระหว่างเปิด IPO กองทุน LHPROP-INFRA วันที่ 17-26 ต.ค.นี้
          นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LHFundเปิดเผยว่า จากการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปีนี้และปีหน้า คาดการณ์จะมีอัตราเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 3-3.5% โดยมีปัจจัยหนุนจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามในด้านปัจจัยต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง ได้แก่ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป เช่น ประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน ที่เตรียมเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประเทศอังกฤษที่จะบังคับใช้ Article 50 ในเดือนมีนาคมปีหน้าเพื่อเริ่มต้นการเจรจาต่อรองทางการค้ากับประเทศต่างๆ ภายในกำหนดระยะเวลา 2 ปี ส่วนประเทศญี่ปุ่นนั้นคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะได้รับผลดีจากเงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในปีหน้า หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
          ทั้งนี้ ในส่วนของภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นของไทยนั้น หากเป็นการลงทุนในระยะสั้นจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในกรณีที่ดัชนีปรับขึ้นสูงกว่า 1,500 จุด ซึ่งจะส่งผลให้มีค่า PE (Price-Earnings Ratio) อยู่ที่ 15 เท่า อย่างไรก็ตาม หากเป็นการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ จากค่า PE ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีหน้าที่จะปรับลดลงเหลือ 13.5 เท่า เนื่องจากคาดว่าในปี 2560 ตลาดหุ้นไทยจะมีอัตรากำไรต่อหุ้นเติบโตสูงถึง 12-15% ขณะที่บริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็กน่าจะมีกำไรต่อหุ้นเติบโตได้ 20-30%
          สำหรับนักลงทุนที่ต้องการจัดพอร์ตให้มีความผันผวนต่ำ ควรพิจารณากระจายการลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2559 มีการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยในอุตสาหกรรม 5.54% ต่อปี และมีค่าเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงระหว่างราคากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ค่าเบต้า) ต่ำอยู่ที่ 0.422 เท่า (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 21/10/2557 – 20/10/2559) ในขณะที่อัตราผลตอบแทนรวมของดัชนีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ในไทย จากต้นปีนี้ถึงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทน 19.07% ถือว่าอยู่ในอัตราที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนการลงทุนในดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 21.28% ที่มีความผันผวนสูงกว่า นอกจากนี้ จากการศึกษาการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงก่อนปี 2551 ที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และหลังปี 2552 เป็นต้นมา พบว่าดัชนี REIT ประเทศในเอเชียยังคงปรับตัวขึ้นได้ (ที่มา Bloomberg)
          โดยปัจจุบัน LHFund อยู่ระหว่างเปิดขาย IPO กองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟรา สตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (LHPROP-INFRA) วันที่ 17-26 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและตราสารหนี้ในประเทศไทย โดยสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวตั้งแต่ 0-100 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ซึ่งการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์ LHFund จะพิจารณาจากสภาวะตลาดในแต่ละช่วงแบบยืดหยุ่นเพื่อประโยชน์สูงสุดของกองทุน 
          "เรามีความเชี่ยวชาญการลงทุนภายใต้กลยุทธ์ Asset Allocation ที่จัดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ตามนโยบายของกองทุน เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน ซึ่งเรามองว่าการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และ REITs ในช่วงนี้ มีแนวโน้มได้รับปัจจัยบวกจากค่าเช่าและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะปรับขึ้นได้อีกในอนาคต ช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในการลงทุน" นายมนรัฐ กล่าว
          ทั้งนี้หากนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน (LHPROP-INFRA) สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ LHFund หรือโทรสอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ 02-286-3484 ได้ทุกวันทำการ 08.30 – 17.30 น.
LHFund ประเมินตลาดหุ้นไทยน่าลงทุนระยะยาว แนะจัดพอร์ตกระจายลงทุนใน REITs รับเงินปันผลต่อเนื่อง

ข่าวแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์+กองทุนรวมอสังหาฯวันนี้

กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568 กำไรสุทธิ 1,121 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 25.8 สินเชื่อโตร้อยละ 3.4

นายวรวุฒน์ โตเจริญธนาผล President และหัวหน้ากลุ่มงานการเงินและบัญชี บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG เปิดเผยว่า ปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 2.3% YoY ตามการประมาณการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2568) โดยมีแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวดีตามการปรับเพิ่มกรอบงบประมาณรายจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ 2568 และการส่งออกที่เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีก่อนที่มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ อย่าง

เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการอยู่อาศัยที่... บริการใหม่ LH SAFETY แอปพลิเคชันรักษาความปลอดภัย สำหรับลูกบ้าน LH — เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้น แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้พัฒนาแอปพลิเ...

LH Bank เดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล... LH Bank จับมือ Sertis และ AWS พัฒนา "LISA" (ไลซ่า) แชทบอทอัจฉริยะ เสริมประสิทธิภาพองค์กรยุคดิจิทัล — LH Bank เดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล เปิดตัวโครง...

บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (... LHFG ผงาดเป็นหนึ่งในบริษัท 10 ปี ทำเนียบ ESG100 — บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG) บริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ ...

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ Presale โครงการใหม่ VI... โครงการใหม่ VIVE กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ Presale 24-25 พฤษภาคมนี้ — แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ Presale โครงการใหม่ VIVE กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ 24-25 พฤษภาคมนี้ เปิดนิยาม...