ไทยพาณิชย์มีกำไรสุทธิสูงสุดในกลุ่มสถาบันการเงิน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ อนุมัติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท

11 Apr 2017
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและผู้ถือหุ้นสามัญ ในอัตราหุ้นละ 5.50บาท จากผลการดำเนินงานปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 47,612 ล้านบาท สูงสุดในกลุ่มสถาบันการเงินไทย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 จากปี 2558 ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ไทยพาณิชย์ ยังมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงินที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2559
ไทยพาณิชย์มีกำไรสุทธิสูงสุดในกลุ่มสถาบันการเงิน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ อนุมัติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท

จากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ ครั้งที่ 194 วันที่ 11 เมษายน 2560 เวลา 14.00 น. ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท เท่ากับปี 2558 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 18,696 ล้านบาทคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลเท่ากับร้อยละ 39.3 ของกำไรสุทธิในปี 2559 ที่มีมูลค่า 47,612 ล้านบาท นับเป็นกำไรสุทธิที่สูงที่สุดในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์ในปี 2559

เนื่องจากธนาคารฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2559 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท ดังนั้นจึงคงเหลือเงินปันผลที่ต้องจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ และผู้ถือหุ้น สามัญอีกหุ้นละ 4 บาทถ้วน โดยมีกำหนดจ่ายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2560

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจปี 2560 นี้ ธนาคารฯ ยังคงมุ่งเน้นเพื่อนำองค์กรไปสู่การเป็น "ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด" (The Most Admired Bank) โดยเน้นกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจใน 2 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1) การพัฒนารากฐานองค์กรผ่านภารกิจ SCB Transformation โดยมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าในทุกกลุ่มด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดี และขยายจุดบริการให้เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม พร้อมกับนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้เพื่อความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ยกระดับรูปแบบการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล รวมทั้งการเพิ่มศักยภาพของบุคลากร และ 2) พัฒนาปรับปรุงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยสนับสนุนแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย ได้แก่ โครงการ National e-Payment รวมทั้งการต่อยอดความสัมพันธ์ของลูกค้าปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นจุดแข็งของธนาคาร เพื่อสร้างโอกาสและธุรกิจใหม่ ๆ กับผู้ประกอบการอื่น ๆ ในวงจรธุรกิจ และยึดมั่นการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย ตลอดจนรักษาระดับเงินทุนสำรองอย่างรอบคอบ และรัดกุม

สำหรับการพิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้น ในปี 2560 มีกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง 5 ท่าน ได้แก่ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม คุณเอกกมล คีรีวัฒน์ คุณเกริก วณิกกุล ดร. จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา และ มรว. ดิศนัดดา ดิศกุล โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติเลือกตั้งกรรมการที่จะพ้นจากตำแหน่งทั้ง 5 ท่าน กลับเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการอีกวาระหนึ่ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2560 เป็นต้นไป