สภาวะตลาดวันที่ 05 เมษายน 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,253.15-1,257.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,550 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ17 อยู่ที่ 20,590 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 20 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,610 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.15 น.ของวันที่ 05/04/2560)
แนวโน้มวันที่ 07 เมษายน 2560
การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญกับประเด็นเร่งด่วน นับตั้งแต่เรื่องเกาหลีเหนือ และทะเลจีนใต้ไปจนถึงข้อพิพาททางการค้า สหรัฐได้กดดันจีนในช่วงที่ผ่านมาให้เพิ่มความพยายามในการปรับลดกำลังการผลิตที่สูงเกินไปในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งประเด็นเรื่องมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐ ที่มีแนวโน้มชัดเจนขึ้น จนหนุน ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจาก ปธน.ทรัมป์ได้กำหนดท่าทีสำหรับสิ่งที่อาจจะเป็นการประชุมที่ตึงเครียดที่รีสอร์ท Mar-a-Lago ของเขาด้วยการระบุในทวิตเตอร์ว่า สหรัฐไม่สามารถยอมรับยอดขาดดุลการค้าและการสูญเสียตำแหน่งงานจำนวนมหาศาลได้อีกต่อไป ทั้งนี้ ทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ปธน.ทรัมป์ของสหรัฐอาจจะประสบความยากลำบากในการผลักดันนโยบายกระตุ้นทางการคลัง ซึ่งผลสำรวจของ เจ.พี.มอร์แกน สะท้อนถึงกระแสคาดการณ์ดังกล่าวได้ชัดเจน เมื่อนักลงทุนปรับเพิ่มการถือครองสถานะขายในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว ขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาพันธบัตรส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปได้ไม่ไกลมากนัก เพราะนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวัง เมื่อปธน.ทรัมป์ประกาศว่าจะปรับลดความยุ่งยากของระบบราชการ เพื่อจะได้เร่งรัดการอนุมัติโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานมีขนาดสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เพราะประเด็นข่าวเหล่านี้มักจะชี้นำราคาทองคำค่อนข้างมาก เบื้องต้นวายแอลจียังคงให้จับตาราคาทองคำบริเวณ 1,263-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายังไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือโซนนี้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะค่อยๆอ่อนตัวลงมา โดยให้แนวรับไว้ในบริเวณ 1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากแนวรับนี้ไม่สามารถรับได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวลงอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,244-1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,222 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านโซน 1,263-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,235 (20,150บาท) 1,222 (19,950บาท) 1,216 (19,850บาท)
แนวต้าน 1,272 (20,800บาท) 1,280 (20,950บาท) 1,286 (21,050บาท)
GOLD FUTURES (GFJ17)
แนวรับ 1,235 (20,250บาท) 1,222 (20,050บาท) 1,216 (19,950บาท)
แนวต้าน 1,272 (20,900บาท) 1,280 (21,050บาท) 1,286 (21,150บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.15 น.ของวันที่ 05/04/2560)
แนวโน้มวันที่ 07 เมษายน 2560
การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญกับประเด็นเร่งด่วน นับตั้งแต่เรื่องเกาหลีเหนือ และทะเลจีนใต้ไปจนถึงข้อพิพาททางการค้า สหรัฐได้กดดันจีนในช่วงที่ผ่านมาให้เพิ่มความพยายามในการปรับลดกำลังการผลิตที่สูงเกินไปในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งประเด็นเรื่องมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐ ที่มีแนวโน้มชัดเจนขึ้น จนหนุน ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจาก ปธน.ทรัมป์ได้กำหนดท่าทีสำหรับสิ่งที่อาจจะเป็นการประชุมที่ตึงเครียดที่รีสอร์ท Mar-a-Lago ของเขาด้วยการระบุในทวิตเตอร์ว่า สหรัฐไม่สามารถยอมรับยอดขาดดุลการค้าและการสูญเสียตำแหน่งงานจำนวนมหาศาลได้อีกต่อไป ทั้งนี้ ทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ปธน.ทรัมป์ของสหรัฐอาจจะประสบความยากลำบากในการผลักดันนโยบายกระตุ้นทางการคลัง ซึ่งผลสำรวจของ เจ.พี.มอร์แกน สะท้อนถึงกระแสคาดการณ์ดังกล่าวได้ชัดเจน เมื่อนักลงทุนปรับเพิ่มการถือครองสถานะขายในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว ขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาพันธบัตรส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปได้ไม่ไกลมากนัก เพราะนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวัง เมื่อปธน.ทรัมป์ประกาศว่าจะปรับลดความยุ่งยากของระบบราชการ เพื่อจะได้เร่งรัดการอนุมัติโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานมีขนาดสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เพราะประเด็นข่าวเหล่านี้มักจะชี้นำราคาทองคำค่อนข้างมาก เบื้องต้นวายแอลจียังคงให้จับตาราคาทองคำบริเวณ 1,263-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายังไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือโซนนี้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะค่อยๆอ่อนตัวลงมา โดยให้แนวรับไว้ในบริเวณ 1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากแนวรับนี้ไม่สามารถรับได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวลงอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,244-1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,222 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านโซน 1,263-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,235 (20,150บาท) 1,222 (19,950บาท) 1,216 (19,850บาท)
แนวต้าน 1,272 (20,800บาท) 1,280 (20,950บาท) 1,286 (21,050บาท)
GOLD FUTURES (GFJ17)
แนวรับ 1,235 (20,250บาท) 1,222 (20,050บาท) 1,216 (19,950บาท)
แนวต้าน 1,272 (20,900บาท) 1,280 (21,050บาท) 1,286 (21,150บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
จีนจัดการประชุมสุดยอดเป่ยโต่ว ครั้งที่ 4 นำเสนอรูปแบบการประยุกต์ใช้งานและรูปแบบธุรกิจใหม่สำหรับระบบดาวเทียมนำทางเป่ยโต่ว
ฟอร์บส์ UNDER 30 SUMMIT ASIA เปิดฉากอย่างเป็นทางการที่กรุงเทพมหานคร#Under30Summit
แขกผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดสื่อและคลังสมองกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เยือนลั่วหยาง สัมผัสชีวิตชีวาของเมืองหลวงโบราณนับพันปี
เอ็กซ์เจ อิเล็กทริก เจาะลึกการผลิตมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ พาชมโรงงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
เปิดประตูสู่อนาคตกับงาน อินโฟคอม เอเชีย 2025 นำเสนอคอนเซ็ปต์การผสานใช้งานเอไอกับแอปพลิเคชันสารพัดประโยชน์
Maxim ประเทศไทย ร่วมหารือและนำเสนอแนวทางแก้ไขความท้าทายในอุตสาหกรรม Ride-Hailing ในงาน Southeast Asia Ride-Hailing Industry Summit
การประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปฯ ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งแรก เปิดเวทีตัวแทนจากภาครัฐ นักวิจัย ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ร่วมเสวนาเพื่อปลดล็อคศักยภาพของบริการเรียกรถผ่านแอปในภูมิภาค
Acer เดินหน้าขับเคลื่อนการศึกษาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วย AI และระบบนิเวศการเรียนรู้ยุคใหม่ ในงาน Edu Summit 2025
โซ แบงคอก ประกาศแต่งตั้ง เอเดรียน มารี เป็นผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ นำทัพพัฒนาโครงการล่าสุด ที่จะเปลี่ยนไลฟส์ไตล์ของกรุงเทพ