“โฟร์โมสต์” คว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง 2 ปีซ้อน ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ “อันดับหนึ่ง” ที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนานกว่า 60 ปี

24 Mar 2017
สานต่อการทำงานร่วมกับเกษตรกรโคนมชาวไทยส่งต่อนมคุณภาพมาตรฐานเนเธอร์แลนด์...เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย
“โฟร์โมสต์” คว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง 2 ปีซ้อน ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ “อันดับหนึ่ง” ที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนานกว่า 60 ปี

ผลิตภัณฑ์นม "โฟร์โมสต์" โดยบริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัล "สุดยอดแบรนด์ทรงพลังปี 2016" (The Most Powerful Brands of Thailand 2016) ในหมวดผลิตภัณฑ์จากนม 2 ปีซ้อน ตอกย้ำความเป็นแบรนด์นมพร้อมดื่ม "อันดับหนึ่ง" ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี เผยปัจจัยความสำเร็จมาจากการสร้างการรับรู้ในแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบความต้องการทุกคนในครอบครัว และการบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเผยทิศทางการดำเนินงานในปี 2560 เพื่อมุ่งรักษาแชมป์แบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค พร้อมตั้งเป้าครอง ส่วนแบ่งตลาดนมพร้อมดื่มเพิ่มขึ้น 1-2% ภายในสิ้นปี

นางสาวพิมจันทร์ วิมุกตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม "โฟร์โมสต์" กล่าวว่า "สำหรับการคว้ารางวัล "สุดยอดแบรนด์ทรงพลังปี 2016" (The Most Powerful Brands of Thailand 2016) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมัยที่ 2 นั้น นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับโฟร์โมสต์ ในการรักษาตำแหน่งหลังจากที่เคยคว้ารางวัลนี้มาแล้วในปี 2014 ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นบทพิสูจน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของแบรนด์ในด้านต่างๆ จากเสียงของผู้บริโภคทั่วประเทศ ตามเกณฑ์ที่ได้ถูกกำหนดไว้ ทั้งความตระหนักในแบรนด์ (Awareness) ความชื่นชอบในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ (Preference) การใช้ผลิตภัณฑ์จริง (Usage) และภาพลักษณ์ในมุมมองผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ (Image)

ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีในประเทศไทย ตำแหน่งทางการตลาดของโฟร์โมสต์ที่แบรนด์ยึดมั่นมาโดยตลอดคือ การเป็นผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการที่ส่งเสริมโภชนาการที่ดีให้กับทุกคนในครอบครัว ในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ ความสำเร็จของโฟร์โมสต์มาจากสองปัจจัยสำคัญ โดยปัจจัยแรก คือ การที่โฟร์โมสต์เป็นพันธมิตรที่ดีเลิศกับเกษตรกรโคนมชาวไทย สหกรณ์โคนมและศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบมาอย่างยาวนาน ทำให้โฟร์โมสต์สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากน้ำนมโคที่มีคุณภาพ และเป็นแหล่งอาหารที่อุดมคุณค่าโภชนาการมากที่สุดในราคาที่เข้าถึงได้ ให้แก่ผู้บริโภค และปัจจัยที่สองคือ การได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค จนทำให้โฟร์โมสต์ครองแชมป์แบรนด์อันดับหนึ่งที่ครองใจผู้บริโภค และสามารถคว้ารางวัลจากเวทีต่างๆ มากมาย โดยโฟร์โมสต์มีกลยุทธ์ทางการตลาด คือ การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โฟร์โมสต์ได้มุ่งเน้นไปที่การใช้สื่อที่ครอบคลุม และเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งสื่อภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ และสื่อดิจิตอล เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด นอกจากนั้นยังมีการสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ เช่น แคมเปญเชิงสร้างสรรค์สังคม อาทิ แคมเปญ "โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข" ที่เน้นย้ำถึงการสร้างสุขภาพร่างกายสมบูรณ์และการมีครอบครัวที่แข็งแรง 100% ไปพร้อมๆ กัน ด้วยการส่งคนไทยกลับบ้านในช่วงสงกรานต์มาเป็นระยะเวลา 3 ปีติดต่อกัน

นอกจากนี้ยังมีแคมเปญเพื่อสังคมอื่นๆ อาทิ โครงการจูเนียร์เอ็นบีเอ (jr.NBA) เพื่อส่งเสริมการเล่นกีฬาบาสเก็ตบอลให้เป็นที่แพร่หลายในกลุ่มเยาวชนไทย โครงการโฟร์โมสต์ ไอรอนคิดส์ เพื่อสนับสนุนให้เด็กไทย ดื่ม ขยับ รับสุขภาพดี ผ่านการแข่งขันไตรกีฬาสำหรับเด็กโครงการโฟร์โมสต์ธนาคารนม การมอบผลิตภัณฑ์นม และอุปกรณ์กีฬา ให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

กลยุทธ์ที่สอง การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด จากการสำรวจพบว่า ในทุกๆ ปีอัตราการบริโภคนมของคนไทยขยายตัวสูงขึ้นทั้งในกลุ่มเด็ก และกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากเทรนด์การรักษาสุขภาพของคนไทยที่มีมากขึ้นที่ไม่เพียงดื่มนมเพื่อเป็นอาหารในตอนเช้า แต่ยังเลือกบริโภคนมเพื่อเป็นอาหารว่างในยามบ่ายด้วย ด้วยเหตุนี้โฟร์โมสต์จึงได้มีการคิดค้นสูตรและออกผลิตภัณฑ์นมอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำเรื่องสารอาหารจากนมที่ครบถ้วนด้วยรูปแบบต่างๆ ทั้งจากนมโค 100% นมคืนรูป และอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โฟร์โมสต์ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์นมยูเอชที (UHT) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ นมโคแท้ 100%รสจืด นมหลากรสชาติที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มผู้ใหญ่ โฟร์โมสต์โอเมก้าสำหรับเด็ก และโฟร์โมสต์ยัมมี่ ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurized Milk) และผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มทั้งแบบถ้วยและแบบกล่องยูเอชที และกลยุทธ์สุดท้าย คือ การบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโฟร์โมสต์มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

นางสาวพิมจันทร์ กล่าวต่อว่า "สำหรับทิศทางการดำเนินงานของโฟร์โมสต์ในปีนี้ เรายังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ตอบทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัว และให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ในทุกขั้นตอนเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ โดยโฟร์โมสต์ได้ดำเนินงานร่วมกับกลุ่มเกษตรกรโคนมชาวไทยทั่วประเทศ ผ่านทางฟาร์มโคนมหลายสิบแห่งมาอย่างยาวนาน เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำนม พร้อมการสนับสนุนด้านการพัฒนาระบบการจัดการฟาร์มโคนม มีการเชิญเกษตรกรชาวเนเธอร์แลนด์มาร่วมวางแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพนม (Dairy Development Program: DDP) อีกทั้งยังริเริ่มโครงการที่ร่วมมือกับภาครัฐเพื่อส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกรโคนมไทยให้เป็นอาชีพที่ยั่งยืน อีกทั้งพัฒนาโรงงานผลิตให้มีความทันสมัย เพื่อเก็บรักษาคุณภาพน้ำนมไว้ได้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรโคนมไทย รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมนมไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดนมพร้อมดื่มทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย ในปัจจุบันโฟร์โมสต์ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำนมดิบจากสหกรณ์โคนม และศูนย์กระจายน้ำนมดิบในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทยกว่า 11 แห่ง ในปริมาณกว่า 350 ตันต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในผู้ซื้อนมเชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ"

สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม (RTD Milk) ของเมืองไทยในปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งโฟร์โมสต์สามารถครองความเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มสินค้านี้ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 33 โดยตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2560 จะเติบโตกว่า 1-2% และยังคงรักษายอดขายอันดับหนึ่งไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

"รางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง ที่โฟร์โมสต์คว้ามาได้ 2 ปีซ้อนนั้น ไม่ได้เป็นแค่เพียงรางวัลแห่งความสำเร็จของบริษัทฯ เท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนคำมั่นสัญญาที่โฟร์โมสต์ จะมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ ให้ครองอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคชาวไทยตลอดไป" นางสาวพิมจันทร์ กล่าวทิ้งท้าย