'VIVE Programme' หนุนบริษัทยักษ์ใหญ่ 'KTIS' และ 'FrieslandCampina' จับมือค้าน้ำตาลที่ผลิตอย่างยั่งยืนภายในประเทศเป็นรายแรกในประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

VIVE Sustainable Supply Programme ผู้ให้บริการอำนวยความสะดวกด้านการค้าน้ำตาลอย่างยั่งยืนแบบครบวงจรรายแรกของโลก ก้าวสู่อีกขั้นของความสำเร็จ ด้วยการปิดการเจรจาตกลงซื้อขายน้ำตาลภายในประเทศครั้งแรกกับสองลูกค้ารายใหญ่ในประเทศไทย อย่าง เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ (KTIS) และ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (FrieslandCampina) โดยก้าวแห่งความสำเร็จในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ VIVE ในการสานต่อความยั่งยืนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ด้านการเกษตร ไปจนถึงด้านอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ ไทยสามารถร่วมงานกันได้สะดวกขึ้น พร้อมส่งเสริมเกษตรกรในท้องถิ่น รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย

'VIVE Programme' หนุนบริษัทยักษ์ใหญ่ 'KTIS' และ 'FrieslandCampina' จับมือค้าน้ำตาลที่ผลิตอย่างยั่งยืนภายในประเทศเป็นรายแรกในประเทศไทย

เนื่องจากหลายพื้นที่ในประเทศไทยถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา VIVE จึงเล็งเห็นถึงหนึ่งในต้นเหตุของมลพิษทางอากาศ อย่าง การเผาไร่อ้อยเพื่อเก็บเกี่ยวมาทำน้ำตาล ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เกษตรกรไทยจำนวนมากยังขาดแคลนเครื่องจักรสำหรับการเก็บเกี่ยวอ้อย ทำให้ต้องอาศัยวิธีการเก็บเกี่ยวแบบดั้งเดิมด้วยการเผาไร่อ้อย เพื่อลดภาระ และการจัดการของแรงงานที่ตัดอ้อย รวมถึงทำให้สามารถเก็บอ้อยด้วยมือได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

โปรแกรม VIVE ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงช่วยเหลือผู้เข้าร่วมโปรแกรมอย่าง KTIS ให้พัฒนาต่อยอด และดำเนินการเก็บเกี่ยวอ้อยแบบลดการสร้างมลภาวะระหว่างการเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนี้ VIVE ยังช่วยผู้เข้าร่วมโปรแกรมในการประเมินความเสี่ยงของการเกิดมลพิษในชั้นบรรยากาศ อันเนื่องมาจากการเก็บเกี่ยวพืชผล เพื่อให้ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการสามารถบริหารจัดการ ควบคุม และลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด

KTIS เป็นโรงงานน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้จัดหาน้ำตาลจากแหล่งเพาะปลูกที่ยั่งยืนถึง 11,500 เมตริกตันให้โดยตรงกับ FrieslandCampina และยังได้เข้าร่วมโปรแกรมผ่าน Buyers Supporting VIVE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ซื้อปลายทางที่มุ่งมั่นในการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ และการพัฒนาที่ยั่งยืน

FrieslandCampina หนึ่งในบริษัทผลิตภัณฑ์นมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของ Buyers Supporting VIVE เพื่อการสานต่อนโยบาย รวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ของแบรนด์ที่ก้าวหน้าและยั่งยืน พร้อมมุ่งมั่นจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตรอย่างมีความรับผิดชอบและโปร่งใส

คุณณัฏฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กลุ่มบริษัทเกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ กล่าวว่า "เราเชื่อมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืนในห่วงโซ่ธุรกิจอ้อย รวมไปถึงกิจกรรมเชิงเกษตรอื่น ๆ ในประเทศไทย และเรายังภูมิใจที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจกับ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ภายใต้โปรแกรม VIVE ทั้งนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมถึงในระดับโลกด้วย"

คุณอีแวน โซมู, หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก และการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ, ฟรีสแลนด์คัมพิน่า กล่าวว่า "การร่วมมือครั้งนี้นับเป็นอีกความสำเร็จครั้งสำคัญระหว่างเส้นทางการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบของเรา เราต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมผ่านการดำเนินการสนับสนุนเกษตรกร และอุตสาหกรรมในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำเกษตรกรถึงความจำเป็นในการผลิตวัตถุดิบที่ยั่งยืนมากขึ้น เพราะในอนาคต โลกของเราจะต้องการการผลิตที่มากขึ้นแต่ใช้เงินน้อยลง และการเดินทางของฟรีสแลนด์แคมปิน่าจะไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ขณะที่ประชากรบนโลกเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน เราก็ยังคงต้องการที่จะส่งมอบสารอาหารในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งผลิตมาอย่างสมดุลกับธรรมชาติต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น"

นอกจากนี้ Czarnikow Group หรือ กลุ่มบริษัท ซีซาร์นิโคว ผู้บริการซัพพลายเชนระดับโลก และเจ้าของร่วมของ VIVE Programme และ Intellync ยังได้เป็นตัวกลางในการนำ KTIS และ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า มารวมกัน เพื่อเปิดทางให้การค้าน้ำตาลอิสระเกิดขึ้นได้ สำนักงานในกรุงเทพของซีซาร์นิโคว ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน โดยมีจุดประสงค์ที่จะขยายการเติบโตขององค์กรในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นศูนย์กลางสำหรับการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งโรงงานน้ำตาลในประเทศไทยที่เข้าร่วม VIVE Programme ถือเป็นผู้ผลิตน้ำตาลอย่างยั่งยืนกว่า 1 ล้านเมตริกตันให้กับภูมิภาคนี้

คุณโทมัส บัลลาร์ด, ผู้จัดการทั่วไป, ซีซาร์นิโคว (ประเทศไทย) กล่าวว่า "อีกความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับการพัฒนาโปรแกรม VIVE ในประเทศไทย นับตั้งแต่ที่เราเปิดสำนักงานที่กรุงเทพฯเมื่อปี 2018 คือการที่เราสามารถทำงานอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมนี้ เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนและสร้างความได้เปรียบทางการค้าให้กับผู้เข้าร่วมโปรแกรมเป็นอย่างดี เรามองว่าการซื้อขายครั้งแรกของ KTIS และ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ในครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกระแสทางธุรกิจ มากไปกว่านั้น เรายังมองว่าความยั่งยืนของอุตสาหกรรมน้ำตาลจะเป็นกระแสที่กำลังจะเติบโตขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้อีกด้วย"

คุณเบนจามิน เฟรนช์, เทรดเดอร์ระดับอาวุโส, ซีซาร์นิโคว และหนึ่งในผู้พัฒนาโปรแกรม VIVE ในทวีปเอเชีย กล่าวว่า "เราได้เห็นการเติบโตอย่างมากของวัตถุดิบน้ำตาลจาก VIVE ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ดังนั้นเราจึงรู้สึกยินดีที่ได้สร้างความแตกต่างในประเทศไทย มีบริษัทอาหาร และเครื่องดื่มหลายสัญชาติที่มีสถานะแข็งแกร่งในสามตลาดนี้ เช่นเดียวกับ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พวกเขาสามารถรวมแนวทางสู่ความยั่งยืน รวมถึงจัดหาน้ำตาลที่ผ่านการตรวจสอบด้านความยั่งยืนสำหรับธุรกิจทั้งหมดของพวกเขาในภูมิภาคผ่าน VIVE ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

เกี่ยวกับ โปรแกรม VIVE
VIVE คือโปรแกรมเพื่อความยั่งยืน ที่จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างซีซาร์นิโคว และ Intellync หรือ อินเทลลิงค์ โดยมีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมซัพพลายเชนปรับปรุงแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่องพร้อมรับประโยชน์ทางการค้าด้วยในขณะเดียวกัน

VIVE ช่วยให้องค์กรสามารถทำงานร่วมกับผู้เข้าร่วมซัพพลายเชนหลายกลุ่ม เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติที่ยั่งยืนและเก็บเกี่ยวผลตอบแทนด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและการค้า การพัฒนาของ VIVE เป็นผลมาจากประสบการณ์อันกว้างขวางของโครงการที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมระดับโลก ที่พึ่งพาผลผลิตทางการเกษตร และการรวมเอาหลักการด้านความยั่งยืน รวมถึงสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งกำหนดโดยองค์การสหประชาชาติ

การขับเคลื่อนการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เป็นพื้นฐานของ VIVE ในการสร้างแรงกระตุ้นเบื้องต้น การเก็บข้อมูลของ VIVE ครอบคลุมไปถึงการประเมินประสิทธิภาพปัจจุบัน พร้อมการคาดการณ์ประสิทธิภาพในช่วงสองปีข้างหน้า VIVE ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าร่วมในระดับรายการที่แตกต่างกัน สะท้อนให้เห็นถึงขั้นตอนของความก้าวหน้าของเส้นทางแห่งความยั่งยืนของผู้เข้าร่วม ขณะขยายวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

นอกจากนี้ซีซาร์นิโควยังเป็นส่วนหนึ่งของ VIVE ซึ่งมีการใช้การประเมิน Chain of Custody Module โดยบริษัทได้รับคะแนนสูงถึง 92% ในปีที่ผ่านมา


ข่าวฟรีสแลนด์คัมพิน่า+อินเตอร์เนชั่นแนลวันนี้

โฟร์โมสต์ ตอกย้ำแบรนด์นม UHT ที่ 1 ในใจ ส่งมอบคุณค่าสู่ผู้บริโภคทั่วไทยด้วย "โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369" สูตรใหม่

นายวิภาส ปวโรจน์กิจ (คนซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนางสาวสุภสิตา ไกรศรี (คนขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เดินหน้าส่งมอบโภชนการที่ดีให้กับเด็กไทยผ่าน นมพร้อมดื่ม UHT โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 สูตรใหม่ ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงอันดับ 1 ตลอด 7 ปี อุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลาย ใยอาหาร ช่วยเสริมพัฒนาการรอบด้านทั้งสมอง ร่างกาย ภูมิคุ้มกัน ช่วยให้เด็กไทยเติบโตได้อย่างฉลาดและแข็งแรง นอกจากนี้ ยัง

บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกั... โฟร์โมสต์ ชวนส่งต่อรอยยิ้ม เสริมโภชนาการเด็กไทย ตั้งเป้าส่งมอบนม 1 ล้านกล่อง — บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิต...

นับเป็นเวลากว่า 150 ปี ที่หนึ่งในสหกรณ์โค... สหกรณ์โคนมฟรีสแลนด์คัมพิน่า ฉลองครบรอบ 150 ปี จากยอดหญ้าสู่น้ำนมโคคุณภาพ (grass to glass) — นับเป็นเวลากว่า 150 ปี ที่หนึ่งในสหกรณ์โคนมที่ใหญ่ที่สุดของโลก...