นายพรชัยฯ กล่าวต่อไปว่า ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 11 มาตรา และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝากและขั้นตอนกระบวนการจ่ายคืนเงินฝากให้แก่ผู้ฝากเงิน ในกรณีที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้มีความเหมาะสมและก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากยิ่งขึ้น โดย
1.1 ยกเลิกกระบวนการให้ผู้ฝากเงินต้องมายื่นคำขอรับเงินภายหลังจากที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) จะจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินภายใน 30 วัน ภายหลังจากที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต จากเดิมที่กระบวนการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินจะต้องใช้เวลาทั้งหมด 160 วัน
1.2 เงินฝากที่จ่ายคืนแก่ผู้ฝากเงิน หากผู้ฝากเงินมีหนี้ที่ถึงกำหนดชำระเป็นจำนวนแน่นอนก่อนหรือในวันที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต ให้ สคฝ. มีอำนาจหักหนี้ดังกล่าวออกก่อนการจ่ายคืนเงินฝากแก่ ผู้ฝากเงิน
1.3 กำหนดขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลในกรณีที่ผู้ฝากเงินไม่เห็นด้วยกับจำนวนเงินที่ สคฝ. จ่ายคืนเมื่อสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต
1.4 กำหนดขั้นตอนการขอรับคืนเงินฝากในกรณีที่ผู้ฝากเงินมิได้รับเงินตามกำหนดระยะเวลา 30 วันภายหลังจากสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต และกำหนดขั้นตอนการวางทรัพย์ในกรณีที่ผู้ฝากเงินมิได้มายื่นขอรับคืนเงินฝากภายในระยะเวลาที่กำหนด
2. กำหนดให้ สคฝ. มีอำนาจกู้ยืมเงินโดยตรง นอกจากการออกตราสารทางการเงิน เพื่อให้มีแหล่งเงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการจ่ายคืนผู้ฝากเงิน และการดำเนินการอื่นๆ ตามพันธกิจ
3. กำหนดให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน และ สคฝ. มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมระหว่างกันได้ เพื่อให้การเตรียมการรองรับการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
4. กำหนดให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย เพื่อประโยชน์ในการชำระบัญชี
5. กำหนดให้คณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝากรายงานผลการดำเนินงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากเดิมรายไตรมาสเป็นรายครึ่งปี
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติฯ ที่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช. เพื่อตราเป็นกฎหมายบังคับใช้นี้ หากมีสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต สคฝ. จะสามารถจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน โดยเฉพาะผู้ฝากเงินรายย่อยด้วยความรวดเร็วขึ้น ตลอดจนช่วยพัฒนากลไกการคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินสร้างความเชื่อมั่นและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสถาบันการเงินแห่งอื่น ๆ ในระบบ รวมทั้งสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสถาบันการเงิน อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
สำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3691 – 2
ไอแบงก์ ร่วมแสดงความยินดีครบรอบวันสถาปนา สศค. ปีที่ 64
"สศค. - ก.ล.ต. - ตลาดหลักทรัพย์ฯ - FETCO" ร่วมแถลงข่าว เปิด "ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย" พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน 4 มาตรการหลัก
สศค. พลิกโฉมการคลังสู่ความยั่งยืน ก้าวสำคัญที่ตอกย้ำศักยภาพของไทยก่อนก้าวสู่เวทีโลกในบทบาทเจ้าภาพ AM2026
กรุงไทย จับมือกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินแก่ชุมชนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
กรุงไทย ผนึก กระทรวงการคลัง เดินหน้าเสริมภูมิคุ้มกันทางการเงินกลุ่มเปราะบาง ต่อเนื่องปีที่ 2
ม.ศรีปทุม ผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญ เรียนรู้ "การวางแผนบริหารจัดการทางการเงินและการคุ้มครองเงินฝาก" พัฒนานักศึกษาบัญชีให้เป็นมืออาชีพ
ประธานสมาคมธนาคารไทย สนับสนุนแก้ปัญหาเศรษฐกิจนอกระบบ ขับเคลื่อน Green Transition ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส SMEs เติบโตยั่งยืน
CEO กลุ่มบริษัทบางจาก ร่วมสะท้อนมุมมองการขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจสีเขียว 'การพัฒนามาตรฐานคาร์บอนเครดิตระดับภูมิภาคเป็นกุญแจสำคัญ' ในงานสัมมนาวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประจำปี 2567