เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประกาศแผนที่จะจัดตั้งสองบริษัทเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เพิ่มเติมแก่หน่วยงานของรัฐและประชาชนทั่วไป
ภายใต้ข้อเสนอที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี บริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN) และบริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC) จะให้บริการและจัดการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายเคเบิลและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ตามข้อเสนอของคณะรัฐมนตรีที่ได้รับการอนุมัติเมื่อกลางเดือนมิถุนายน บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT Telecom) จะนำ NGDC ซึ่งจะลงทุนในเครือข่ายบรอดแบนด์ระหว่างประเทศ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล บทบาทของ NBN ซึ่งนำโดยบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หน่วยงานด้านโทรคมนาคมแห่งชาติของรัฐ คือการพัฒนาและดำเนินธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศและเครือข่ายใยแก้วนำแสงทั่วประเทศ
รัฐมนตรีกล่าวว่าทั้งสองบริษัทได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้นและมีกำหนดจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคลายความกังวลของผู้ให้บริการภาคเอกชน นายพันธ์ศักดิ์กล่าวว่าบริษัทใหม่ๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎและระเบียบข้อบังคับตามที่กระทรวงกำหนดไว้สำหรับผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพื่อจะได้ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการแข่งขันของภาคเอกชน
ในแง่ของภูมิทัศน์ทางธุรกิจ พบว่ายังคงมีช่องว่างในการเติบโต ทั้งนี้ ตัวเลขประมาณการอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า 1 ใน 3 ของจำนวน 22 ล้านครัวเรือน เท่านั้นในประเทศไทยที่ใช้บริการบรอดแบนด์ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ให้บริการ รวมไปถึงการเปิดให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานแก่ตลาดที่มุ่งขยายความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรม และการใช้ข้อมูลที่สูงขึ้น
สถานะ "เอเชียน ไทเกอร์"
การกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนของการส่งมอบบริการจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องข้อจำกัดที่ระบุไว้ในดัชนีนวัตกรรมโลกประจำปี พ.ศ. 2560 (GII) ซึ่งพบว่าประเทศไทยยังตามหลังประเทศอื่นๆ ในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเข้าถึงด้านไอซีที และอยู่ในอันดับที่ 71 ในหมวดนี้
รายงานประจำปี ซึ่งจัดทำขึ้นโดยมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์, สถาบันอินซีด (INSEAD) และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) ได้จัดประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 51 จาก 127 ประเทศ ซึ่งอยู่สูงขึ้นหนึ่งอันดับจากปีที่แล้วและสูงขึ้นสี่อันดับจากปี พ.ศ. 2558
รายงานดังกล่าวยังระบุว่าในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่จัดอยู่อันดับสูงสุดในกลุ่มประเทศขนาดเล็กหรือกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย คู่แข่งอย่างเช่นประเทศไทยกำลังตามตีตื้นอย่างรวดเร็ว
ประเทศไทยยังได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งใน "เอเชียน ไทเกอร์" หรือเสือแห่งเอเชีย พร้อมๆ กับอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ประเทศไทยยังได้รับการยอมรับในเรื่องการสร้างความสัมพันธ์กับเครือข่ายห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงมีจำนวนภาคส่วนต่างๆ มากมายที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย
รายงานยังกล่าวถึงพัฒนาการอันเป็นผลมาจาก "ประเทศไทย 4.0" ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและความรู้ ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตแบบก้าวหน้า แผนยุทธศาสตร์นี้ ซึ่งเปิดตัวในปี พ. ศ. 2559 ได้มุ่งเน้นไปที่ 10 ภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงในการเพิ่มมูลค่าผ่านเทคโนโลยี
ประเทศไทยทำงานเพื่อพัฒนาการวิจัย
ประเทศไทยได้มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนา (R & D) โดยถือเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้ ในรายงาน GII ประเทศไทยได้จัดอยู่อันดับที่40 จาก 127 ประเทศในหมวดนี้ โดยมีการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาอยู่ที่ร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ประกอบกับผลลัพธ์ด้านความรู้และผลผลิตด้านเทคโนโลยีและการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์และการส่งออกเทคโนโลยีล้ำสมัยในระดับปานกลาง
รายงานฉบับนี้ยังระบุว่าความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรมนั้นมีความแข็งแกร่งและโดยรวมอยู่อันดับที่ 40
การเพิ่มการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา การสร้างความเชื่อมโยงใหม่ๆ ระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในประเทศไทย 4.0นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานสถาบันวิทยสิริเมธี กล่าว
"ด้วยความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปรับปรุงระบบการวิจัยในประเทศไทย ทำให้ประเทศเรามีเงินกองทุนสำหรับงานวิจัยในระดับชาติอย่างน้อยร้อยละ 1 ของจีดีพี" เขากล่าวกับอ๊อกซ์ฟอร์ด บิสซิเนส กรุ๊ป หรือ โอบีจี "จนถึงขณะนี้เราใช้จ่ายเพียงแค่ร้อยละ 0.4 ของจีดีพี เทียบกับมาเลเซีย ซึ่งใช้จ่ายอยู่ที่ร้อยละ 1.26 หรือเกาหลีใต้ที่ร้อยละ 4.29 "
ข้อมูลเศรษฐกิจไทยฉบับนี้ผลิตโดย อ็อกซ์ฟอร์ด บิสซิเนส กรุ๊ป
DE-BDE ปักหมุดอนาคตดิจิทัลไทย เปิดให้บริการศูนย์ดิจิทัลชุมชนแห่งใหม่แล้ว บนพื้นที่อาคารซี ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พร้อมดัน IT Man เป็นเครือข่ายดิจิทัลให้ชุมชน ครอบคลุม 878 อำเภอทั่วประเทศ
ดีอี - TAGTHAi ร่วม MOU ส่งเสริม "Smart Tourism" ผ่านแพลตฟอร์ม หนุนยกระดับท่องเที่ยวไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
ทส. ประชุม คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศกำหนดพื้นที่ กรุงเทพฯ และ 4 จังหวัดภาคเหนือ เป็นเขตควบคุมมลพิษ
การประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 4/2568
ข่าวดี! ODOS Summer Camp 2026 พร้อมเปิดรับสมัคร 1 ก.ย.นี้
ปตท.สผ. คว้ารางวัล AIBP ASEAN Enterprise Innovation Award 2025 จากการขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับการดำเนินงาน
รองนายกฯ ประเสริฐ เปิดกิจกรรมปฐมนิเทศโครงการ ODOS Summer Camp พร้อมมอบกำลังใจแก่ 928 เยาวชนไทย ก่อนลัดฟ้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างแดน
อว. ผนึก ดีอี โดย สวทช. จุฬาฯ และ สพธอ. เตรียมการจัดตั้ง "AI Thailand Hub" เดินหน้ายุทธศาสตร์ AI นำร่อง COE ประเทศ ลุยสร้างคน สร้างมาตรฐาน บริการ AI ครบวงจร
กระทรวงดีอี อัดงบ 69 พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ปูพรมภาคการผลิต หนุนพัฒนา AI เพิ่มขีดแข่งขันประเทศไทย