นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้(Mr.Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมามีมติให้ให้เริ่มดำเนินการลดขนาดงบดุลในเดือนต.ค.ตามคาด ในขณะเดียวกัน Fed ยังย้ำว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปี 2560 และปรับขึ้นอีก 3 ครั้งปี 2561 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัวหรือแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ Bond Yield ของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องมาตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551 มีส่วนสำคัญในการผลักดันตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้นมาซื้อขายที่ระดับ Valuation ที่สูงกว่าในอดีต ดังนั้น ทิศทางของ Bond Yield สหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นต่อไป
โดยปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อ Bond Yield ต่อไป ได้แก่ 1) การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ ในวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งหากเงินเฟ้อยังส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว ก็จะส่งผลให้ตลาดประเมินโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น และ 2) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 26 ต.ค. ซึ่งเราคาดว่า ECB จะประกาศลด QE ซึ่งจะส่งผลให้ Bond yield ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
"Bond Yield สหรัฐอเมริกาที่ทยอยเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.2% อาจยังไม่ส่งผลกระทบต่อ Valuation ของตลาดหุ้นมากนัก แต่เราประเมินว่า หาก Bond Yield ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าระดับ 2.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเริ่มลดลง และส่งผลให้เงินเฟ้อลดลงมาทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ก็อาจส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน" นายคมศร กล่าว
อย่างไรก็ตาม Bond Yield สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้น ประกอบกับความคาดหวังต่อนโยบายปฏิรูปภาษีที่จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในสภา Congress ในช่วงไตรมาส 4 นี้ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังจากที่อ่อนค่าลงมาต่อเนื่องในปี 2560 เราแนะนำให้เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และอาจซื้อเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงมาแรงก่อนหน้านี้ และแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน และโลหะอุตสาหกรรม ซึ่งจะถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า
ทิสโก้เผย Fed ลดดอกเบี้ยมากกว่าคาด ชี้! ปีนี้อาจลดต่ออีก 0.5% และปี 68 ลงอีก 1 - 1.25%
กูรูทิสโก้ชี้ ตลาดหุ้นเสี่ยงปรับฐานอีก คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยต่อ - QT ฉุดสภาพคล่องลด
ทิสโก้ชี้ Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยถึง 6% หยุดเงินเฟ้อ แนะหาจังหวะซื้อตราสารหนี้ระยะยาวสหรัฐฯ ล็อกผลตอบแทนสูง
ทิสโก้ชี้ตลาดหุ้นโลก ปี 66 เสี่ยงถูกเทขายอีกรอบ แนะทางรอดซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ หรือหุ้นเฮลธ์ฯ และเทคฯ รับผลตอบแทนเด่น
Fed ส่งสัญญาณเข้มคุ้มเงินเฟ้อ ทิสโก้เตือน! ใน1 - 3 เดือน หุ้นอาจร่วงแรงอีกครั้ง จังหวะซื้อเทคฯ เฮลธ์แคร์ พลังงานหมุนเวียนหลบภัย
ทิสโก้คาด 27 ก.ค. Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจฟุบ จุดระเบิดเศรษฐกิจถดถอย แนะซื้อเทคฯ - เฮลธ์แคร์กำไรโตไม่หวั่นวิกฤต
ทิสโก้ชี้ Fed ใช้ยาแรงขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทิสโก้คาด เศรษฐกิจโลกเสี่ยงเข้าสู่ "ภาวะถดถอย" มากขึ้น หลัง Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยแรง