ทีเส็บเปิดโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ชวนภาคเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศ ภายใต้โมเดล “๓ พอ” กระตุ้นทุกภาคส่วนผนึกพลังผลักดัน

26 Sep 2017
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมมือกับสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ พร้อมด้วยหน่วยงานนำร่องภาคเอกชน เปิดตัวโครงการ "ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ" ตามโมเดลการจัดประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้วยแนวคิด "๓ พอ" (พอเพียง / เพิ่มพูน / พัฒนา) เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้หน่วยงานภาคเอกชนจัดงานประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นำศาสตร์พระราชาที่เป็นประโยชน์ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาบุคลากร หน่วยงาน องค์กร และอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการพัฒนาและกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น
ทีเส็บเปิดโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ชวนภาคเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศ ภายใต้โมเดล “๓ พอ” กระตุ้นทุกภาคส่วนผนึกพลังผลักดัน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวว่า "ด้วยวิสัยทัศน์ 20 ปี ของทีเส็บที่จะเดินหน้าเป็นองค์กรหลักพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง กระจายความเจริญไปสู่ทุกภาคส่วน และสร้างความยั่งยืนด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น จึงเกิดเป็นแคมเปญส่งเสริมการประชุมสัมมนาในประเทศ "ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ" ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยในปีนี้ได้จัดทำโครงการ "ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ"เพื่อกระตุ้นองค์กรและหน่วยงานเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ"

โครงการ ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ นับเป็นครั้งแรกกับความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยใช้แนวคิด "ก้าวตามรอยพ่อ" ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการพัฒนา "โมเดลการจัดประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ตามหลักแนวคิด ๓ พอ ได้แก่ พอเพียง เพิ่มพูน และพัฒนา ผ่านการดำเนิน 3 กิจกรรม คือ การสัมมนาเรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การทำกิจกรรมในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และการจัดช่วงแลกเปลี่ยนสรุปองค์ความรู้เพื่อปรับใช้ในการทำงานและการใช้ชีวิต มาใช้เป็นต้นแบบการเรียนรู้ โดยคัดเลือกโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3 โครงการต้นแบบ ได้แก่ ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน (จ.จันทบุรี) ในเรื่อง "พอเพียง" โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในเรื่อง "เพิ่มพูน" และศูนย์ศึกษาวิจัยและพัฒนาแหลมผักเบี้ย (จ.เพชรบุรี) ในเรื่อง "พัฒนา" และได้รับเกียรติจากพันธมิตรองค์กรภาคเอกชนระดับประเทศ เป็นหน่วยงานนำร่องเข้าร่วมขยายองค์ความรู้สู่กลุ่มพนักงานและลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อจัดประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างเป็นรูปธรรม

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ทีเส็บ กล่าวเสริมว่า "ในฐานะที่ทีเส็บเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ จึงจัดทำแพคเกจสนับสนุนการจัดประชุมสัมมนาหรือทำกิจกรรมในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้กับหน่วยงานภาคเอกชนทั่วประเทศ ที่พากลุ่มพนักงานหรือลูกค้าเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 30 คน ใน 19 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีศักยภาพความพร้อมรองรับกลุ่มผู้ประชุมสัมมนา โดยจะได้รับการสนับสนุนค่าเดินทางกลุ่มละ 30,000 บาทต่อหน่วยงาน เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 – เดือนกันยายน 2561"

ด้าน ดร.ชาลินี ฮิราโน รองเลขาธิการ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "นอกจากองค์กรที่เข้าร่วมจะสามารถนำสิ่งที่เห็นและเรียนรู้จากต้นแบบองค์ความรู้ ณ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เยี่ยมชมไปประยุกต์ใช้กับองค์กรทั้งด้านแนวความคิดและรูปแบบแล้ว โครงการ "ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ" ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทำกิจกรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าเยี่ยม เพื่อซึมซับและเข้าถึงหลักความคิดตามรอยพระราชดำริอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยองค์กรที่เข้าร่วมสามารถนำสิ่งที่ทำไปปรับใช้พัฒนาบุคลากร และองค์กรให้แข็งแกร่งและยั่งยืน นอกจากนี้โครงการฯ ดังกล่าวยังเป็นการโปรโมทการประชุมสัมมนาภายในประเทศ องค์กรที่เข้าร่วมสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นตัวอย่างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรที่สนับสนุนการประชุมสัมมนาภายในประเทศไทยด้วย"

ด้าน นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ กล่าวว่า "ทางสมาคมพร้อมเข้าร่วมและสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยได้นำเสนอโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและเสนอแนะให้สมาชิกนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริบรรจุในโปรแกรมทัวร์เพื่อนำเสนอลูกค้าในรูปแบบของการท่องเที่ยว ส่วนปีหน้าสมาคมวางแผนจัดการประชุมและสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากขึ้น โดยเน้นเรื่องของการทำกิจกรรม การเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ได้ช่วยเหลือสังคมและชุมชน โดยเฉพาะที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีอยู่ทั่วประเทศ เช่น ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน ที่มีความพร้อมในเรื่องสถานที่ การทำกิจกรรมในศูนย์ศึกษาป่าชายเลน รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคม ทำบ้านปลาและธนาคารปู หรือที่โครงการพัฒนาดอยตุง ที่มีเรื่องราวของการสร้างแรงบันดาลใจ การอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างมีจิตสำนึกและพึ่งพาอาศัยกันและกัน"

ด้าน นายประทีป สันติวัฒนา กรรมการบริหาร กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง กล่าวว่า "ทางกลุ่มเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรในองค์กรเพื่อรองรับกับการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่งการประชุมอบรมนอกสถานที่ถือเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะการได้มาตามรอยเท้าพ่อหลวงในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริถือเป็นองค์ความรู้ที่ยิ่งใหญ่มหาศาล การนำบุคลากรของกลุ่มฯ เข้าร่วมโครงการซึ่งคัดเลือกเฉพาะระดับผู้บริหารและผู้จัดการ ประมาณ 30 กว่าท่าน ทำให้เห็นวิถีของการสังเกตและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ มีการประเมินผลสำเร็จโดยมีตัวชี้วัดและขยายผลสำเร็จไปยังพื้นที่อื่นๆ เพื่อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนอย่างพอเพียงกับท้องถิ่น ซึ่งบุคลากรของกลุ่มสามารถนำประสบการณ์มาเป็นแบบอย่างในการประยุกต์ใช้ในการทำงาน

และการดำเนินชีวิต ดังนั้น องค์กรและหน่วยงานต่างๆ หากได้เข้าร่วมกับโครงการนี้ จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับทั้งบุคลากรในองค์กร ธุรกิจ ท้องถิ่น และประเทศชาติในที่สุด"

ด้าน นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในฐานะที่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เป็นเครือข่ายธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของไทยในอาเซียน เราจึงพร้อมเป็นหน่วยงานต้นแบบจัดอบรมสัมมนาให้กับลูกค้าและพนักงานในประเทศ เพื่อกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นและส่งเสริมเศรษฐกิจไทย ปัจจุบันนี้ หลายโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ตอบโจทย์การจัดอบรมสัมมนาและการทำกิจกรรมได้ครบครัน เราจึงเชิญชวนลูกค้านักธุรกิจและผู้บริหารจำนวน 30 ท่าน อบรมสัมมนาที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดอยตุง จ. เชียงราย ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ การลงมือปฏิบัติจริง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ร่วมกันในกลุ่มผู้บริหารธุรกิจ และนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้กับชีวิตการทำงาน ทั้งการพัฒนาคน องค์กร และธุรกิจ ให้ดำเนินชีวิตและธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทางการพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ"

ทั้งนี้ ภายในงานเปิดตัวโครงการ ยังมีตัวแทนจากกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง คุณเปอร์ สุวิกรม อัมมระนันทน์ คุณกุ้ง สุธิราช วงศ์เทวัญ และคุณอาทิตย์ สมน้อย หรือที่รู้จักในนาม เบิ้ล ปทุมราช ศิลปินลูกทุ่ง 100 ล้านวิว มาแบ่งปันมุมมองการประยุกต์ใช้หลักแนวคิด "๓ พอ" ในการดำเนินชีวิต โดยหลังจากงานเปิดตัวและแถลงข่าวโครงการ "ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ" จะนำนิทรรศการของโครงการเปิดให้หน่วยงานและประชาชนทั่วไปเข้าชมและศึกษาได้ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 24 กันยายน 2560 ณ บริเวณชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

"ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ผนึกกำลังร่วมกันส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ให้กับองค์กรผ่านการจัดประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริครั้งนี้ และขอเชิญชวนให้ทุกหน่วยงานมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ โดยเริ่มต้นจากการนำพนักงานหรือกลุ่มลูกค้าจัดประชุมสัมมนาในประเทศ พัฒนาองค์กรและบุคลากร ตามรอยพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โดยมุ่งหวังให้เกิดกระบวนการพัฒนาตนเอง สู่องค์กร ธุรกิจ และประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป" นายจิรุตถ์กล่าวสรุป

ทีเส็บเปิดโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ชวนภาคเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศ ภายใต้โมเดล “๓ พอ” กระตุ้นทุกภาคส่วนผนึกพลังผลักดัน ทีเส็บเปิดโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ชวนภาคเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศ ภายใต้โมเดล “๓ พอ” กระตุ้นทุกภาคส่วนผนึกพลังผลักดัน ทีเส็บเปิดโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ชวนภาคเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศ ภายใต้โมเดล “๓ พอ” กระตุ้นทุกภาคส่วนผนึกพลังผลักดัน