นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยถือเป็นกระบวนการสำคัญภายหลังจากที่ภัยพิบัติสิ้นสุด เพื่อปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคให้ใช้งานได้ตามเดิม และปรับสภาพแวดล้อมของชุมชนให้กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) จึงได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางระบบและเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด "การพัฒนาให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม (Build Back Better and Safer)" ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 โดยให้ผู้ประสบภัยมีส่วนร่วมในกระบวนการฟื้นฟู คืนสภาพ และสร้างใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงภัยและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัย ซึ่งมีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้ 1.พัฒนาระบบการประเมินความต้องการหลังเกิดสาธารณภัย โดยประเมินสภาพความเสียหายของพื้นที่ประสบภัยในมิติต่างๆ ทั้งด้านชีวิต ทรัพย์สิน ระบบสาธารณูปโภค ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมในเชิงกายภาพ ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ รวมถึงการประเมินความต้องการในการฟื้นฟูของชุมชน เพื่อนำไป เป็นกรอบแนวทางในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติหรือให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม 2.พัฒนาระบบปฏิบัติการและบริหารจัดการด้านการฟื้นฟู โดยวางแนวทางปฏิบัติในการฟื้นฟูสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของผู้ประสบภัย การเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประสบภัยกลับมาประกอบอาชีพและดำรงชีพได้ตามปกติ การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยให้การช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประสบภัย การจัดตั้งกองทุนเงินกู้ยืม การลดหย่อนภาษี การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพและการลงทุน รวมถึงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและทรัพยากรทางธรรมชาติของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย 3. เสริมสร้างแนวทางการฟื้นฟูที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิมโดยมุ่งให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเตรียมพร้อมรับมือและฟื้นกลับอย่างรวดเร็ว รวมถึงการประยุกต์ใช้หลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการวางแผนการฟื้นฟู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยพิบัติขึ้นซ้ำในอนาคต เตรียมความพร้อมในการให้บริการด้านสุขภาพอนามัย ครอบคลุมถึงการสาธารณสุข สุขภาพจิต และการบริการทางการแพทย์ ซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย หรือพัฒนาให้เป็นที่อยู่อาศัยแบบถาวร สำหรับเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย เพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานฟื้นฟูระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งระบบประปา ระบบไฟฟ้า ระบบการสื่อสาร ระบบการขนส่ง และการสุขาภิบาลให้สามารถกลับมาใช้งานได้โดยเร็ว และให้บริการประชาชนได้ตามปกติ บูรณะและปฏิสังขรณ์โบราณสถาน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงการฟื้นฟูระบบนิเวศและการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนพัฒนาโอกาสทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน พึ่งพาตนเองได้ มีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวในช่วงที่ประสบภัย ทั้งนี้ ปภ. มุ่งดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยให้สามารถช่วยเหลือตนเองและดำเนินชีวิตได้ตามปกติในช่วงที่เกิดภัย รวมถึงพัฒนาระบบป้องกันภัยให้ดีขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิม ภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้ประสบภัยในกระบวนการฟื้นฟู การคืนสภาพ และการสร้างใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเสียหายและความต้องการของผู้ประสบภัย ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างประเทศไทยให้ "รู้รับ ปรับตัว ฟื้นเร็วทั่ว อย่างยั่งยืน"
NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ
เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
SAM ห่วงใยลูกหนี้ ออกมาตรการเร่งด่วนครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งผู้ประสบสาธารณภัยพายุ "วิภา" พักเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 3 เดือน ส่วนผู้เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล จัดดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ผ่อนยาว 10 ปี เพื่อส่งมอบโอกาสเพื่อคนไทยเริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU ร่วมให้ความรู้
NT พร้อมแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast หลังการทดสอบประสบผลสำเร็จ ได้รับข้อความแจ้งเตือนภัยรวดเร็ว แม่นยำ
ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม!
NT ร่วม ปภ. ทดสอบระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ครั้งแรก แจ้งผลมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ครอบคลุม เสริมความพร้อมระบบเตือนภัยแห่งชาติ
NT ยืนยันความพร้อม ร่วมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่จริง
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แนะ 7 วิธี เช็กระบบไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย รับมือหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์