รายงานความคืบหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานความคืบหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Startup Committee: NSC) (คณะกรรมการฯ) ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานคณะกรรมการฯ ประจำเดือนธันวาคม 2560 โดยมีรายละเอียด สรุปได้ ดังนี้
          1. จำนวนวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ในประเทศไทย
          1.1 จำนวน Startup ที่ลงทะเบียนกับ Web Portal สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติได้เปิดตัวเว็บไซต์ http://startupthailand.org อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2560 ซึ่งปัจจุบันมีกิจการ Startup เข้าลงทะเบียนแล้วจำนวน 703 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2560)
          1.2 จำนวนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรายใหม่ (SMEs/New Startup) ที่ขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 637) พ.ศ. 2560 เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิของ SMEs/New Startup เป็นระยะเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชี โดย ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2560 มี SMEs/New Startup เข้ามาจดทะเบียนและยื่นขอรับการรับรองกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แล้วจำนวน 141 ราย ได้รับการรับรองจาก สวทช. แล้วจำนวน 49 ราย และได้ขอใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับกรมสรรพากรแล้วจำนวน 32 ราย
          SMEs/New Startup ที่สนใจยื่นเรื่องต่อ สวทช. เพื่อพิจารณารับรองเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ลงทุน สวทช. อาคารส่วนงานกลาง ชั้น 3 ห้อง 304-2 เลขที่ 111 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 หรือทางโทรศัพท์ 0 2564 7000 ต่อ 1327, 1340-1345, 1359
          1.3 จำนวน Startup ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุน SMEs ระยะเริ่มต้น (Startup) ผ่านการร่วมลงทุน โดยให้ธนาคารออมสิน ร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) จัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนแห่งละ 2,000 ล้านบาท รวมจำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนกับ Startup ที่มีศักยภาพสูง หรือมีโอกาสในการเติบโต หรืออยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งธนาคารทั้ง 3 แห่งได้มีการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน และได้อนุมัติการร่วมลงทุนใน Startup แล้ว 35 ราย วงเงินรวม 758 ล้านบาท โดยมี Startup 9 ราย ที่ได้มีการร่วมลงทุนแล้ว คิดเป็นเงินร่วมลงทุน 196 ล้านบาท
          2. จำนวนกลุ่มนักลงทุนในประเทศไทย
          2.1 จำนวนกลุ่มนักลงทุนที่ลงทะเบียนกับ Web Portal ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2560 มีกลุ่มนักลงทุนเข้าลงทะเบียนบนเว็บไวต์ http://startupthailand.org แล้วจำนวน 69 ราย
          2.2 กิจการเงินร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) และทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust: PE Trust) ที่ขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 636) พ.ศ. 2560 เพื่อขอรับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินปันผลและรายได้จากการโอนหุ้นของบริษัทเป้าหมาย เป็นระยะเวลา 10 รอบระยะเวลาบัญชี ซึ่ง ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2560 มีผู้จดแจ้งการเป็น VC และ PE Trust กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) แล้ว จำนวนทั้งสิ้น 27 ราย 

          ทั้งนี้ บริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนที่สนใจจดแจ้งกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด สามารถติดต่อขอรับรายละเอียดการจดแจ้งได้ที่ สำนักงาน ก.ล.ต. เลขที่ 333/3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ 1207
หรือ 0 2695 9999

          ความเคลื่อนไหวที่สำคัญในเดือนธันวาคม 2560 
          1. การขยายระยะเวลาการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ เพื่อส่งเสริม SMEs/New Startup คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 เห็นชอบการขยายระยะเวลาการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ เพื่อส่งเสริม SMEs/New Startup ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องมีคุณสมบัติและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 637) พ.ศ. 2560 โดยสรุปดังนี้
          1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561
          2) มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท
          3) มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการของกิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายตามหลักเกณฑ์ที่ สวทช. กำหนดและได้ให้การรับรอง หรือรายได้เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของรายได้ทั้งหมดในรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
          2. โครงการจัดตั้ง Startup Club ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินโครงการ Startup เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้เด็กนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษารู้จัก เข้าใจ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อย่างผู้ประกอบการ ตามดำริของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) โดยผลักดันโครงการดังกล่าวผ่านคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดให้เกิด Startup Club ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา ซึ่งปัจจุบัน (สถานะ ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2560) มีสถาบันการศึกษาตอบรับเข้าร่วมแล้ว จำนวน 109 สถาบัน ใน 77 จังหวัด ในจำนวนนี้มีสถาบันที่ได้รับแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากหน่วยงานภาคเอกชนในจังหวัดแล้ว 77 สถาบัน ใน 52 จังหวัด และเริ่มดำเนินกิจกรรมแล้ว 57 สถาบันใน 40 จังหวัด
          นอกจากนี้ มีแผนการดำเนินโครงการพัฒนาครูและบุคลากรในสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่รับผิดชอบ Startup Club เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้สามารถถ่ายทอดกระบวนการและแนวความคิดด้านการประกอบการให้แก่เด็กนักเรียนได้ โดยจะจัดเป็นกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ สำหรับครูและบุคลากรที่รับผิดชอบ Startup Club ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมถึงการจัดทำหนังสือหลักสูตรการเป็นผู้ประกอบการสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา
          3. โครงการ Startup Voucher ประจำปี 2560 สวทช. ได้ดำเนินโครงการ Startup Voucher เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ และส่งเสริมความเข้มแข็งให้วิสาหกิจนวัตกรรมในการต่อยอดธุรกิจ โดยสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจการสนับสนุน Startup ในรูปแบบเงินทุนให้เปล่า (Grant) เป็นปีที่ 2 (ระยะเวลาโครงการ: พฤษภาคม – ธันวาคม ๒๕๖๐) โดยมีเป้าหมายสนับสนุน Startup จำนวน 80 ราย รายละไม่เกิน 800,000 บาท ซึ่งโครงการปีที่ 2 นี้ มีผู้สนใจสมัครเข้ารับเงินทุนสนับสนุนจำนวน 204 ราย ผ่านการคัดเลือกจำนวน 82 ราย คิดเป็นเงินสนับสนุนประมาณ 60 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่า Startup ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจะสามารถสร้างรายได้รวมได้ไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาท

          ส่วนนโยบายระบบการลงทุน สำนักนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
          โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3638, 3650, 3654
 
 

ข่าวสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ+สำนักงานเศรษฐกิจการคลังวันนี้

เซ็นทรัลพัฒนา คว้ารางวัล Prime Minister Award 2025 'Innovation for Sustainability' ตอกย้ำผู้พัฒนา Centre of Life และผู้นำการเติบโตอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมาย NET Zero 2050

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เชื่อมโยงทุกธุรกิจทั้ง Retail-Residence-Hotel-Office ตอกย้ำบทบาท Placemaker ผู้พัฒนา "ศูนย์กลางการใช้ชีวิตและชุมชน" ที่ขับเคลื่อนด้วยแนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน คว้ารางวัล Prime Minister Award 2025 ประเภท Innovation for Sustainability เวทีสูงสุดที่เชิดชูผู้ประกอบการและองค์กรผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรมของประเทศสู่ความยั่งยืนจัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

ครั้งแรกในประเทศไทยกับการยกระดับมาตรฐานกา... ครั้งแรกในไทย นวัตกรรมสเต็มเซลล์เพื่ออนาคตสุขภาพสัตว์เลี้ยง — ครั้งแรกในประเทศไทยกับการยกระดับมาตรฐานการดูแลสัตว์เลี้ยงด้วยสเต็มเซลล์ PetGeneX ธนาคารสเต็ม...

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อ... เอ็นไอเอเปิดฟอรั่มโอกาสเฮลท์เทคไทย พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก 2025 — ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ ...

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ห... NIA ร่วมกับ ซีพี ซีดดิ้ง โซเชียลอิมแพคท์ ผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน — สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอ...