"การจัดทัพใหม่ของบริษัทฯ แบ่งเป็น 5 กลุ่มธุรกิจ ส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในการลบภาพการทำธุรกิจหลากหลายแบบเดิมๆซึ่งมีทั้งธุรกิจที่ทำกำไรและขาดทุน การจัดทัพใหม่ บริษัทฯเลือกเฉพาะธุรกิจที่ทำกำไร มีศักยภาพและอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต ในแต่ละกลุ่มธุรกิจจะมีหน่วยงานที่มีสายงานที่ใกล้เคียงกัน มีลักษณะที่เอื้อกันทำให้สามารถสร้างจุดแข็งเพื่อต่อยอดรายได้ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมทั้งสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนกัน คือมี Synergy ทั้งด้านการเพิ่มรายได้และการลดค่าใช้จ่าย" นายสุรช กล่าว
ส่วนภาพรวมแผนธุรกิจของปีนี้ บริษัทฯ วางกลุ่มธุรกิจบริการอาหารและจัดจำหน่าย และกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่มีฐานรายได้ที่แข็งแกร่ง ส่วนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ และธุรกิจบริการเป็นกลุ่มที่ผลักดันการเติบโตของรายได้ในปี 2561 ซึ่งการเติบโตของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศจะได้แรงหนุนจากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National E-payment Plan)ค่อนข้างมาก รวมทั้งฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีการลงทุนเพิ่มด้านเทคโนโลยีสารสนเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
สำหรับกลุ่มธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ ตัวเร่งหลักมาจากงานติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (ขาออก) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่บริษัทฯเพิ่งได้งานมา 3,600 ลบ. ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการ ตัวเร่งจะมาจากความต้องการด้านบริการงานรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่าอากาศยานจากทั้งกฎระเบียบและจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ล็อกซเล่ย์ กล่าวอีกว่า รายได้ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15-20% ซึ่งจุดแข็งคือ บริษัทฯมีฐานรายได้ประมาณ 10,500 ลบ.ซึ่งมาจากงานในมือที่ได้มาแล้ว 10,659 ลบ. ซึ่งตามสัญญาจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ประมาณ 7,200 ลบ. กับฐานรายได้กลุ่มธุรกิจบริการอาหารและจัดจำหน่าย ประมาณ 3,300 ลบ. รวมทั้งงานตามแผนเข้าประมูลในปีนี้มากกว่า 20,000 ลบ. ในด้านกำไร บริษัทฯ มีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งจากลดภาระการตั้งสำรอง การจัดทัพที่มี Synergy ทั้งการเพิ่มรายได้และการลดค่าใช้จ่าย ที่สำคัญคือฐานกำไรจากส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมที่ลดลงในปี 2560 แต่ตามแผนปี 2561 ส่วนแบ่งกำไรจะเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากกำไรของบริษัทร่วมที่ลดลงในปี 2560 เป็นรายการ One-time รวมทั้งแผนการเติบโตทั้งรายได้และการทำกำไรของปีนี้จากบริษัทร่วม ที่ทำให้บริษัทฯมีความมั่นใจมากขึ้น
"กรณีลูกหนี้การค้าขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) บ.ย่อย (บมจ.ล็อกซเล่ย์ ไวร์เลส) และ สกสค. ได้เข้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความในเดือนธันวาคม 2560 โดยจากมูลหนี้คงค้าง 1,386 ล้านบาท สกสค.ตกลงชำระหนี้โดยการผ่อนชำระภายในระยะเวลา 6 ปี เริ่มต้นชำระในเดือนมกราคม 2561 ซึ่งในการผ่อนชำระทำให้มีส่วนต่างระหว่างมูลค่าหนี้คงค้างกับมูลค่าหนี้ปัจจุบันของกระแสเงินสดที่จะได้รับชำระ ส่งผลทำให้ บ.ย่อยมีผลขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้เป็นจำนวน 337 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งผลขาดทุนเต็มจำนวนในปี 2560 โดยปัจจุบันการชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าวตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการชำระหนี้ตามปกติ"
มาห์เล ออกสตาร์ท เตรียมส่งโมดูลระบายความร้อนบุกตลาดระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่
กลุ่มบริษัทศรีตรังคว้ามาตรฐาน FSC(TM) ครอบคลุมพื้นที่สวนยาง 100% ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน
บริษัท มาร์ส พาเลทเทค จำกัด จับมือกับ บริษัท Binh Thuan Plastic Group จากประเทศเวียดนาม จัดตั้งบริษัทร่วมทุน BMG
PHOL รับการประเมิน CGR ระดับ 5 ดาว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ตอกย้ำองค์กรกำกับดูแลกิจการระดับ "ดีเลิศ"
PMC คว้า CGR "ดีเลิศ" ระดับ 5 ดาว ติดอันดับ กลุ่ม Top Quartile ในกลุ่มเดียวกัน สะท้อนภาพองค์กรธรรมาภิบาลดีเยี่ยม
DMT คว้า CGR ระดับ "ดีเลิศ" 5 ดาว 3 ปีซ้อน และอยู่ในระดับ "Top Quartile" เป็นปีแรก จากการประเมิน "CGR 2025"
HUMANICA GROUP เปิดตัว "Wellnest" แพลตฟอร์มสมดุลสุขภาวะสำหรับองค์กร ขับเคลื่อนด้วย AI และ Medical IoT ตอบโจทย์ 6 มิติความเป็นอยู่ที่ดีของบุคลากร
กลุ่มบริษัทบางจากและเวิร์คพอยท์ภูมิใจในเสียงตอบรับ "Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ ซีซั่น 2" เตรียมส่งซีซั่น 3 หนุนพลังคนรุ่นใหม่ จากสนามแข่งขันสะเต็มศึกษาสู่การพัฒนาประเทศ
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร บางจาก ศรีราชา "A+" ต่อเนื่องปีที่ 2 ตอกย้ำศักยภาพองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมพลังงานไทย