สกว.เตรียมเสนอข้อมูลงานวิจัย เพื่อจัดทำ “แผนแม่บทการจัดการน้ำ จ.พัทลุง” แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดย การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ถอดรหัสน้ำท่วมพัทลุง - นักวิจัย สกว. ยอมรับสาเหตุน้ำท่วมหนักเมืองพัทลุงเมื่อต้นปี 2560 มาจากสภาพอากาศและปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่การบริหารจัดการน้ำไร้ประสิทธิภาพเหตุเพราะขาดระบบข้อมูลสารสนเทศและระบบเตือนภัยแบบเร่งด่วนในพื้นที่เสี่ยง ขณะที่ชาวบ้านต้องสร้างเครือข่ายเตือนภัยกันเอง ล่าสุดเตรียมเสนอผลงานวิจัยภายใต้ "โครงการการสนับสนุนกลไกการวางแผนจัดทำงบประมาณบูรณาการด้านทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตรด้วยระบบสารสนเทศ จังหวัดพัทลุง" เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำ "แผนแม่บทการจัดการทรัพยากรน้ำของจังหวัด" มั่นใจ จะช่วยให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและลดความซ้ำซ้อนในการจัดทำงบประมาณช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมของทุกปี จะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูมรสุมของภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เสี่ยงพายุ ฝนตกหนักและน้ำท่วม แต่เชื่อว่าเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2559 - 8 มกราคม 2560 ถือเป็นการเผชิญกับภัยพิบัติน้ำท่วมข้ามปีของพื้นที่ 12 จังหวัดภาคใต้ครั้งที่รุนแรงและหนักที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สร้างความเสียหายอย่างหนักไปทั่วทุกพื้นที่ แม้แต่เส้นทางคมนาคมขนส่งสายหลักสู่ภาคใต้ทั้งหมดถูกตัดขาดทุกเส้นทางนานนับเดือนคิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจนับหมื่นล้านบาท
          จากฝนที่ตกหนักทั้งวันทั้งคืนแบบไม่ลืมหูลืมตา ตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นระยะเวลากว่าสิบวันส่งผลให้น้ำท่วมฉับพลันทุกพื้นที่แบบไม่มีใครได้ตั้งตัว โดยเฉพาะจังหวัดพัทลุงได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมอย่างหนัก บ้านเรือนประชาชนต้องจมอยู่ใต้น้ำนานนับเดือน เนื่องจากสภาพอากาศและปริมาณฝนที่ตกหนักมากเกินกว่าที่เคยตกมาก่อน จากการตรวจสอบข้อมูลหลังสถานการณ์คลี่คลายพบว่า ฝนที่ตกสะสมเฉพาะในช่วงที่เกิดเหตุเพียง 10 วันมีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 1900 มม.เป็นปริมาณฝนสะสมที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณฝนสะสมโดยปกติของพื้นที่ภาคใต้ตลอดทั้งปี ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 1800 – 2000 มม.ต่อปี ถือเป็นปรากฏการณ์ไม่ปกติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเรียกว่า "ฝน 1,000 ปี"
          เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.อนิศรา เพ็ญสุข ติ๊บแก้ว อาจารย์จากคณะเทคโนโลยีและการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ในฐานะนักวิจัย สกว.ด้านการบริหารจัดการน้ำ กล่าวว่า "จากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักมากกว่าปกติจนทำให้ความสามารถในการรองรับน้ำของ 7 ลุ่มน้ำในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ไม่สามารถเก็บกักน้ำในปริมาณที่มากขนาดนั้นไว้ได้ บวกกับลักษณะภูมิประเทศของพัทลุงฝั่งตะวันตกที่เป็นเทือกเขา พื้นที่ค่อนข้างสูงขณะที่ฝั่งตะวันออกเป็นพื้นที่ราบลุ่มเมื่อเกิดฝนตกมวลน้ำป่าจากภูเขาจะไหลบ่ามาทางฝั่งตะวันออกเพื่อลงสู่ทะเลสาบสงขลาซึ่งใช้เป็นเส้นทางเดียวในการผันน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทย ขณะที่จังหวัดสงขลาก็ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถรับน้ำจากพัทลุงได้อีก ส่งผลให้ระดับน้ำขังในพื้นที่พัทลุงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เกิดน้ำท่วมหนักเป็นวงกว้างและท่วมขังอยู่เป็นเวลานานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบ1,000ปี จึงยากต่อการจัดการ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น"
          แต่คำถามคือหากสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกจังหวัดจะต้องมีวิธีอย่างไรที่จะเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวนนี้หรือจะแก้ไขปัญหาเบื้องต้นอย่างไรไม่ให้ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมเป็นระยะเวลานานหรือไม่ให้เกิดภาวะน้ำท่วมขังเป็นเวลานานๆ ขึ้นอีก จึงเป็นที่มาของการจัดทำ "โครงการการสนับสนุนกลไกการวางแผนจัดทำงบประมาณบูรณาการด้านทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตรด้วยระบบสารสนเทศ จังหวัดพัทลุง" ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้ "ชุดโครงการการพัฒนาฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ด้านน้ำเพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนงานด้านบริหารจัดการน้ำของจังหวัด" ซึ่งมีทั้งหมด 5 จังหวัด ประกอบด้วย ลำพูน ชัยนาท นครพนม ระยอง และพัทลุง โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เป็นโครงการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อผลักดันให้เกิดกลไกระดับจังหวัด เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการซ้ำซ้อนของการจัดทำงบประมาณ 
          ดร.อนิศรา กล่าวว่า พัทลุงเป็น 1 ใน 5 จังหวัดนำร่องภายใต้ชุดโครงการดังกล่าว โดยมีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ร่วมกันทำวิจัย การที่จังหวัดพัทลุงได้รับเลือกเข้าร่วมโครงการวิจัยครั้งนี้เพราะพัทลุงเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากทุกปี แต่เป็นชุมชนเข้มแข็งจึงต้องการใช้ความเข้มแข็งของชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขและผลักดันให้เกิดแผนแม่บทในการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมและน้ำแล้งให้น้อยที่สุด
          "เพราะ"น้ำ"เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหว และค่อนข้างเกี่ยวเนื่องกันหลายภาคส่วน เพราะน้ำเป็นทรัพยากรที่มีค่า ที่ต้องบริหารจัดการให้เหมาะสม จึงจะสร้างมูลค่าในตัวของตัวเองได้"
          เมื่อมองว่าน้ำท่วมเป็นปัญหาของภาคเกษตรเช่นกัน จึงนำมาสู่การศึกษาวิจัยเรื่องน้ำให้เกิดความครอบคลุมทุกมิติเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเริ่มจากการดำเนินการรวบรวมแผนงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทำให้พบว่าที่ผ่านมา ขาดการจัดทำระบบสารสนเทศ ข้อมูลที่มีอยู่ไม่ครอบคลุม ไม่มีการจดบันทึกข้อมูลการทำโครงการที่ผ่านมา และยังขาดระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพแบบทันเหตุการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่ควรจะต้องมีการแจ้งเตือนจากหน่วยงานภาครัฐอย่างเร่งด่วน          
          " เช่นเหตุการณ์น้ำท่วมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์หน่วยงานจึงจะสามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือเพราะขาดระบบการเตือนภัย ขณะที่ชาวบ้านมีการสร้างกลุ่มเตือนภัยกันเองสามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้หลังเกิดเหตุเพียง 2-3 วัน นอกจากนี้ยังมีระบบเตือนภัยเครือข่ายที่มีคณะกรรมการของแต่ละลุ่มน้ำค่อยแจ้งข่าวสารระหว่างกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยการสื่อสารผ่านโซเซียลมีเดียซึ่งถือเป็นจุดเด่นของความเข้มแข็งของชุมชน 
          จากประสบการณ์เมื่อเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน ชาวบ้านก็เริ่มใจไม่ดี จึงเตรียมยกของขึ้นที่สูงแม้จะดูว่าเป็นความตื่นตัวของชาวบ้าน แต่ถือเป็นหน้าที่หลักของภาครัฐและหน่วยงานที่จะต้องเข้าไปให้ความรู้เรื่องของระบบเตือนภัยแก่ชาวบ้านได้เข้าใจว่าฝนตกหนักลักษณะไหนที่ควรระวัง หรือตกกี่วันจึงควรตื่นตัว และควรจะต้องทำอย่างไรหรือควรมีการแจ้งเตือนอย่างไร ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดอ่อนของหน่วยงานที่ควรต้องเร่งปรับปรุง" ดร.อนิศรา กล่าว
สำหรับข้อเสนอแนะหรือแนวทางในการแก้ปัญหาเบื้องต้น แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นให้เร่งเคลียร์สิ่งกีดขวางทางไหลของน้ำให้ออกไปจากพื้นที่ และระยะยาวจะต้องแก้ปัญหาลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ โดยผลการดำเนินงานขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลและแผนการดำเนินงานโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับน้ำจากทุกหน่วยงานในพื้นที่ทั้งในส่วนของกรมชลประทานและองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต.นำมาจัดทำเป็นฐานข้อมูล( Database )เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำไปใช้ในการจัดทำ "แผนแม่บทการจัดการทรัพยากรน้ำของจังหวัดพัทลุง" ในการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงกับคณะกรรมการลุ่มน้ำทั้ง 7 ลุ่มน้ำของจังหวัดราวกลางเดือนธันวาคมนี้ก่อนที่จะนำแผนดังกล่าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์จังหวัดเพื่อใช้เป็นแนวทางประกอบการพิจารณาจัดทำงบประมาณที่เกี่ยวกับน้ำในพื้นที่ในปีต่อๆไป
          ดร.อนิศรา กล่าวอีกว่า "เรื่องของระบบสารสนเทศหรือการจัดทำข้อมูลถือเป็นจุดอ่อนของหน่วยงานในการบริหารจัดการเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่ามีทำอะไรอยู่ตรงไหนและส่งผลกระทบอย่างไรต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบ้าง ดังนั้นการจัดทำแผนแม่บทดังกล่าวนี้ ยังช่วยอัพเดทข้อมูลการทำโครงการเกี่ยวกับน้ำในพื้นที่จังหวัดพัทลุงได้ว่า ปัจจุบันมีโครงการอะไรที่ทำไปแล้ว และที่กำลังทำอยู่ แต่ละจุดสามารถแก้ไขปัญหาให้กับชุมชนได้ดีพอหรือไม่ หรือยังมีพื้นที่ไหนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เพื่อให้ครอบคลุมการแก้ปัญหาและป้องกัน ที่จะนำไปสู่การพัฒนาได้ในที่สุด อีกทั้งยังช่วยดลความซ้ำซ้อนของการจัดทำงบประมาณอีกด้วย มีความมั่นใจมากว่าผลงานวิจัยนี้จะเข้าไปเติมเต็มให้กับแผนการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดพัทลุงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"
สกว.เตรียมเสนอข้อมูลงานวิจัย เพื่อจัดทำ “แผนแม่บทการจัดการน้ำ จ.พัทลุง” แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดย การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
 
สกว.เตรียมเสนอข้อมูลงานวิจัย เพื่อจัดทำ “แผนแม่บทการจัดการน้ำ จ.พัทลุง” แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดย การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
สกว.เตรียมเสนอข้อมูลงานวิจัย เพื่อจัดทำ “แผนแม่บทการจัดการน้ำ จ.พัทลุง” แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดย การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
 
สกว.เตรียมเสนอข้อมูลงานวิจัย เพื่อจัดทำ “แผนแม่บทการจัดการน้ำ จ.พัทลุง” แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดย การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
 
 

ข่าวสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย+กองทุนสนับสนุนการวิจัยวันนี้

นักวิจัยมจธ.โชว์เทคโนโลยีวิศวกรรมโบราณสถาน รัฐ-เอกชนรุมจีบทำฐานข้อมูลดิจิทัลสถานที่สำคัญ

รศ. ดร.สุทัศน์ ลีลาทวีวัฒน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีโลยีพระจอมเกล้า เปิดเผยถึงการนำผลงานวิจัยมาร่วมจัดแสดงในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2566 ในฐานะหัวหน้าโครงการพัฒนาข้อมูลดิจิทัล 3 มิติ เพื่อการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานและการรักษามรดกทางวัฒนธรรม ว่าโครงการนี้เป็นโครงการวิจัยที่ได้รับสนับสนุนจากหลายภาคส่วน โดยเริ่มต้นจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในช่วงปี 2561-2562 และได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยอย่างต่อเนื่องจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ผ่านหน่วยบริหาร

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอาหารของประเ... Innovative house เสริมกระบวนการวิจัยและพัฒนาให้ SMEs ไทย ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเวชสำอาง — ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศเจริญเติบโตอย่างต่...

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) การ... “มิติใหม่ของข้าวเม่า” Fusion Food ฉบับบุรีรัมย์โมเดล — สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์พื้นถิ่นให้กลายเป็นผลิตภัณฑ...

ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรร... คณะวิศวะมหิดล เดินหน้าโครงการวิจัยระบบโลจิสติกส์กทม.และปริมณฑล รองรับ “มหานครแห่งเอเชีย” — ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิ...