ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานีเคเบิลใต้น้ำ ชลี 2 จังหวัดสงขลา ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ซึ่งกระทรวงดิจิทัลฯ ได้มอบหมายให้ดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) โดยปัจจุบัน บมจ.กสท โทรคมนาคม ได้เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถของการเชื่อมโยงโครงข่ายระหว่างประเทศกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน คือ ประเทศเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่สูงขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นจุดเชื่อมโยงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่สำคัญของภูมิภาค และสามารถพัฒนาสู่การเป็น ASEAN Digital Hub ตอนบนได้
จากความต้องการใช้งานข้อมูลที่มีความหลากหลายและมีปริมาณสูงขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ไทยเป็นจุดเชื่อมโยงโครงข่ายอินเทอร์เน็ต อีกทั้งเมื่อรวมกับความต้องการใช้งานจากผู้ใช้บริการในประเทศไทย จะทำให้ความต้องการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ สูงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจในการลงทุนตั้งฐานข้อมูลของผู้ให้บริการสำคัญๆ อาทิ เฟซบุ๊ก (Facebook) และ กูเกิล (Google) ในประเทศไทยมากขึ้น
โดยการจัดสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ จะทำให้ประเทศไทยมีโครงข่ายเชื่อมโยงระหว่างประเทศที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพิ่มความมั่นคงและมีเสถียรภาพของโครงข่ายระหว่างประเทศของไทย รองรับการใช้งานวงจร ในปลายทางที่จำเป็นได้ทันท่วงที รวมทั้งเพิ่มจำนวนโครงข่ายระหว่างประเทศของไทยให้เกิดความทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้ของภูมิภาคมากขึ้น ตลอดจนเพื่อทดแทนระบบเคเบิลใต้น้ำ SMW3 และ AAG ที่มีอยู่ซึ่งมีอายุการใช้งานมานาน และมีข้อจำกัดการขยายวงจรเนื่องจากเป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีเก่า รวมถึงจะมีการใช้งานเต็มสิทธิ์ที่มีในระบบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ การขยายโครงข่ายระหว่างประเทศต่างๆ จะทำให้การต่อเชื่อมวงจรผ่านประเทศไทยมีราคาต่ำลง สนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็น ASEAN Digital Hub ตอนบนของภูมิภาคได้ อีกทั้งเมื่อผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคม มีค่าใช้จ่ายที่ลดลงและตลาดมีการแข่งขันมากขึ้น ต้นทุนที่ลดลงจะได้รับการส่งต่อไปยังผู้บริโภคในที่สุด ทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยลดต้นทุนด้านการเชื่อมโยงข้อมูลจากต่างประเทศลง ดึงดูดให้กลุ่มธุรกิจข้ามชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้น และทำให้เกิดการจ้างงานสูงขึ้นตามไปด้วย
"การดำเนินการในโครงการดังกล่าว ถือเป็นโครงการที่สอดรับกับนโยบายของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ต้องการให้ประเทศไทยมีส่วนในการเป็นเส้นทางเชื่อมต่อที่สำคัญตามนโยบาย "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road : OBOR)" ของรัฐบาล โดยมี "แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม (Silk Road Economic Belt : SREB)" ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อทางบก และ "เส้นทางสายไหมทางทะเล (Maritime Silk Road : MSR)" ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อทางทะเล โดยการเพิ่มความจุและเสถียรภาพของวงจรเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการสนับสนุนในส่วน SREB การเพิ่มความจุและการจัดสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่เป็นการสนับสนุนในส่วน MSR ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงกลุ่มประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ทั้งทางบกและทางทะเล ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคได้ในอนาคต" ดร.พิเชฐฯ กล่าว
ภาพข่าว: รมว.ดิจิทัลฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานสถานีเคเบิลใต้น้ำ “ชลี 5” จ.ชุมพร
รมว.ดิจิทัลฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานสถานีเคเบิลใต้น้ำ “ชลี 5” จ.ชุมพร
ธนาคารกรุงเทพ วิ่ง City Run สำรวจเส้นทาง ก่อนจัดงานวิ่งใหญ่ ฉลอง 80 ปี "เพื่อนคู่คิด"
ธนาคารกรุงเทพ ร่วมออกบูธในงาน TMA 60 Years of Excellence ชูแนวคิด "Growing Together For 80 Years" ตอกย้ำบทบาท "เพื่อนคู่คิด" มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ตลอด 80 ปี
เริ่มแล้ว! ธนาคารกรุงเทพ คิกออฟหลักสูตร The Big Blue Ocean รุ่น 3 คอร์สความรู้สุดเอ็กซ์คลูซีฟรวมกูรูธุรกิจชั้นนำ ร่วมติดปีกความรู้ผู้ประกอบการสู่โลกยุคดิจิทัล ย้ำจุดยืน 'เพื่อนคู่คิด' หนุนผู้ประกอบการไทยปรับตัวเร็วก้าวทันเทรนด์โลก
ชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี ฉลอง 20 ปีจัดสัมมนา SME Transformation ดึงสุดยอดมือบริหารองค์กรชั้นนำร่วมแชร์ประสบการณ์
EXIM BANK ต้อนรับและร่วมบรรยายหลักสูตรผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
ธนาคารกรุงเทพ จัดกิจกรรมตักบาตรพระสงฆ์ 100 รูป ในโอกาสครบรอบวันก่อตั้งธนาคารปีที่ 78
ธนาคารกรุงเทพ เปิด 3 โอกาสต่อยอดความร่วมมือ ฮ่องกง-อาเซียน หนุนเศรษฐกิจเติบโตก้าวกระโดดสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างยั่งยืน