TPCH มั่นใจกำไร-รายได้ปีนี้ ดีกว่าปีก่อน หลังกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามแผน เน้นการพัฒนาโรงไฟฟ้าภายในประเทศ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชน

05 Jun 2018
TPCH มั่นใจกำไร-รายได้ปีนี้ ดีกว่าปีก่อน ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มต่อเนื่องตามแผน เล็งมุ่งเน้นขยายการลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าภายในประเทศ พร้อมเดินหน้าศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 300 เมกะวัตต์ ใน 3 จังหวัดภาคใต้และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน
TPCH มั่นใจกำไร-รายได้ปีนี้ ดีกว่าปีก่อน หลังกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามแผน เน้นการพัฒนาโรงไฟฟ้าภายในประเทศ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะชุมชน

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่าบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ โดยล่าสุดเมื่อช่วงต้นปี 2561 ได้มีการเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 9.2 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่ 6 ที่ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวลรวมทั้งสิ้น 60 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการCOD อยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ ทำให้คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการตลอดทั้งปี 2561 ของบริษัทฯ มีโอกาสสูงจะเติบโตได้มากกว่าปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 207.36 ล้านบาท และมีรายได้ 1.1 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ภาพรวมผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกของปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 บริษัทมีรายได้รวม 342.68ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45.3 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 235.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 81.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 63.92 ล้านบาท จากปัจจัยการรับรู้รายจากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) ,โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE),โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) ,โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG ) โรงไฟฟ้าชีวมวล พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์

ขณะนี้บริษัทฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 โครงการ ซึ่งมีแผนที่จะจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD)ภายในปี 2562 กำลังการผลิตรวม 49 เมกะวัตต์ รวมทั้งมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 10 เมกะวัตต์ รวมโครงการทั้งสิ้น 119 เมกะวัตต์ ซึ่งการดำเนินงานที่เป็นไปตามแผน ทำให้มั่นใจว่า บริษัทฯ จะมีโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเป็น 200 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะรวมเป็น 50 เมกะวัตต์ภายในปี 2563 ตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าแสวงหาโอกาสในการลงทุน เพื่อขยายธุรกิจเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเดินหน้าศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและชีวภาพ ขนาด 300 เมกะวัตต์ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งจะเข้าไปสู่การพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะชุมชนมากขึ้น จากปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาแล้ว 10 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้ามีโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 พร้อมกันนี้ บริษัทฯจะดำเนินแผนขยายกำลังการผลิตไฟ้าควบคู่ไปกับการลดต้นทุน โดยขณะนี้ได้มีการปลูกพืชพลังงานเป็นเชื้อเพลิงเพื่อลดต้นทุนโรงไฟฟ้า ซึ่งผลการทดลองในเรื่องดังกล่าวถือว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจมาก

สำหรับเงินลงทุนในการขยายธุรกิจ บริษัทฯ มีเงินลงทุนเพียงพอ เนื่องจากมีเงินที่ได้จากการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก ( IPO)โดยระดมเงินทุนได้ 1.1 พันล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ขณะนี้มีอยู่เพียง 1.12 เท่า