ลาล่ามูฟประกาศความสำเร็จในวงการโลจิสติกส์ แอพให้บริการขนส่งสินค้าเผยข้อมูลและสถิติ 5 ปีที่ผ่านมาด้วยเงินทุน 160 ล้านเหรียญสหรัฐ

23 Mar 2018
Lalamove (ลาล่ามูฟ) ผู้นำด้านแอพพลิเคชั่นให้บริการขนส่งสินค้าแบบ On-demand ตลอด 24 ชั่วโมง สัญชาติฮ่องกง ฉายแววเป็นผู้นำในบริการจัดส่งสินค้าในช่วงสุดท้าย (Last-mile delivery) รวมถึงการจัดส่งแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) ธุรกิจกับบริโภค (B2C) และผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C) โดยเผยถึงข้อมูลที่น่าประทับใจในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จที่รวดเร็วนับตั้งแต่ที่นายชิง เชาได้เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2556
ลาล่ามูฟประกาศความสำเร็จในวงการโลจิสติกส์ แอพให้บริการขนส่งสินค้าเผยข้อมูลและสถิติ 5 ปีที่ผ่านมาด้วยเงินทุน 160 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ลาล่ามูฟได้รับเงินทุนรวมทั้งสิ้น 160 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการระดมทุนขั้น Series C จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา และได้วางแผนตั้งเป้าหมายที่จะขยายการให้บริการให้ครอบคลุมในระดับสากลมากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดให้บริการในอีก 108 เมืองทั่วทวีปเอเชีย ในปัจจุบันนี้ ลาล่ามูฟอยู่ในจุดที่ได้เปรียบในด้านผู้ให้บริการขนส่ง โดยมีการเปิดให้บริการใน 126 เมืองในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีพนักงานจำนวน 2,000 คน และมีพนักงานขับรถมากถึง 2.2 ล้านคน ซึ่งในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว ลาล่ามูฟมีพนักงานขับรถถึง 50,000 คน มีผู้ใช้งานที่ดาวน์โหลดแอพลาล่ามูฟแล้วกว่า 25 ล้านคน นอกจากนี้ลาล่ามูฟยังได้จัดเตรียมขบวนรถมอเตอร์ไซค์, รถ 5 ประตู และรถกระบะ ไว้พร้อมสำหรับบริการจัดส่งอาหารจากลาล่ามูฟด้วย

เบอร์เกอร์คิง ร้านอาหารฟาสฟู้ดยักษ์ใหญ่ระดับโลก ได้ประกาศร่วมเป็นพันธมิตรกับลาล่ามูฟเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ต่างๆ มากมายทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับสากลที่เตรียมเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับลาล่ามูฟในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ลาล่ามูฟยังได้มีการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมในแอพอีกด้วย นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ลาล่ามูฟได้ให้บริการจัดส่งในประเทศไทยไปแล้ว รวมเป็นระยะทางกว่า 520 ล้านกิโลเมตร โดยที่การจัดส่งในแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่จะสั้นกว่าช่วงเวลาในการพักทานอาหารเที่ยงเสียอีก เนื่องจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังเฟื่องฟู ดังนั้น จึงคาดการณ์ว่าประเทศซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งโลกออนไลน์อย่างเช่นประเทศไทย จะมีผู้ใช้รายใหม่เพิ่มสูงขึ้นถึง 250% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ผ่านมา