ผลสำเร็จธนาคารโคนมทดแทนฝูง เกษตรกรเข้าร่วมกว่า 500 ราย ช่วยลดภาระ ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          โครงการธนาคารสินค้าเกษตรเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ซึ่งธนาคารโคนมทดแทนฝูง เป็นหนึ่งในโครงการธนาคารสินค้าเกษตร มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฝากลูกโคเพศเมีย ถอนคืนเป็นโคสาวท้อง เพื่อให้เกษตรกรสมาชิกลดภาระการเลี้ยงลูกโคในฟาร์ม ให้เกษตรกรสมาชิกมีแม่โคที่มีคุณภาพไปทดแทนโคนมปลดระวางและลดต้นทุนการผลิต ส่งผลสมาชิกสหกรณ์มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา มีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลัก และมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ติดตามประเมินผลโครงการ
          นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการ สศก. เปิดเผยว่า จากการติดตามผลการดำเนินโครงการธนาคารโคนมทดแทนฝูง พบว่า มีการดำเนินงานในลักษณะฟาร์มรวม และบริหารโดยสหกรณ์ซึ่งรับฝากลูกโค - โครุ่น มาไว้ที่ฟาร์มกลางของสหกรณ์ เพื่อเลี้ยงดูตามหลักวิชาการ ให้อาหารที่เหมาะสมตามช่วงวัย ส่งผลให้โคมีการเจริญเติบโตและสมบูรณ์กว่าการเลี้ยงเองที่ฟาร์มของเกษตรกร และยังเพิ่มโอกาสในการผสมเทียมติดเร็วขึ้น เกษตรกรจะมีรายได้จากการรีดนมได้เร็วขึ้นเช่นกัน เมื่อได้ระยะเวลาโคสาวเติบโตและตั้งท้อง 3 เดือน จึงให้สมาชิกมาไถ่ถอนคืนหรือขายให้แก่เกษตรกรรายอื่น ซึ่งการถอนคืนโคสาว สมาชิกอาจชำระเป็นเงินสด หรือเงินเชื่อ หรือให้หักจากค่าน้ำนมดิบที่นำมาขายให้สหกรณ์ได้เช่นกัน โดยเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งทางสหกรณ์จะกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการและบันทึกข้อมูลอย่างชัดเจน
          จากการติดตามประเมินผลสหกรณ์ที่จัดตั้งเป็นธนาคารโคนมทดแทนฝูง พบว่า การดำเนินงานตั้งแต่ปี 2559 - 2560 มีการจัดตั้งธนาคารโคนมทดแทนฝูง ทั้งหมด 8 แห่ง ครบตามเป้าหมาย เกษตรกรฝากโคทดแทนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 553 ราย จำนวนโคทดแทนที่ขายฝาก 1,712 ตัว มูลค่าการขายฝากรวม 28,411,558 บาท โดยเกษตรกรถอนคืนโคสาวท้องแล้วทั้งหมด 381 ราย จำนวนโคสาวท้องที่ถอนคืน 1,199 ตัว มูลค่าการถอนคืนโคสาวท้องรวม 55,221,199 บาท ซึ่งเกษตรกรได้รับปริมาณน้ำนมดิบจากแม่โคในโครงการสูงกว่าแม่โคที่เกษตรกรเลี้ยงเองเฉลี่ย 0.71 กก./ตัว/วัน ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3,898 บาท/ตัว/ปี
          ด้านรายจ่าย พบว่า เกษตรกรมีรายจ่ายในการถอนคืนโคสาวท้อง 4 เดือน จากธนาคารในราคาเฉลี่ย 46,056 บาทต่อตัว ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการเลี้ยงโคนมด้วยตนเองจนกระทั่งเป็นโคสาวท้อง 4 เดือน เกษตรกรจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 49,296 บาทต่อตัว ซึ่งค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเฉลี่ย 3,240 บาทต่อตัว
          สำหรับภาพรวมพบว่าเกษตรกรสมาชิกธนาคารมีความพึงพอใจต่อการดำเนินโครงการในระดับค่อนข้างมาก และเกษตรกรมากกว่า ร้อยละ 90 ต้องการใช้บริการของธนาคารในครั้งต่อไปเช่นเคย อย่างไรก็ตาม สหกรณ์ควรมีแนวทางที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรถอนคืนโคสาวท้องในด้านอื่นด้วย เช่น ให้เกษตรกรฝากเงินที่ได้จากการขายฝากไว้กับสหกรณ์ เมื่อถึงเวลาถอนคืนก็ชำระเงินส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น หรือการสนับสนุนให้เกษตรกรฝากเงินรายเดือนไว้กับสหกรณ์เพื่อใช้ในการถอนคืนโคสาวท้องเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเป็นอีกทางเพื่อช่วยลดภาระในการหาเงินมาถอนคืนโคสาวท้องของเกษตรกรได้ และสหกรณ์ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์โครงการ และสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อให้เกษตรกรมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ และสมัครเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
 
 
 

ข่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์+ธนาคารโคนมทดแทนฝูงวันนี้

โครงการปรับปรุงคลองส่งน้ำ ท่ามะกา ระยะ 5 ช่วยเกษตรกร 40 ครัวเรือน ผลผลิตและรายได้เพิ่ม

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลการติดตามโครงการจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม งานปรับปรุงพื้นที่จัดรูปที่ดินโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่ามะกา (ระยะที่ 5) ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำจากคลองส่งน้ำชลประทานให้สามารถแพร่กระจายน้ำในไร่นาได้ทั่วถึงทุกแปลงเพาะปลูก ทำให้เกษตรกรได้รับน้ำตามปริมาณและช่วงเวลาที่ต้องการอย่างเป็นระบบ และลดความขัดแย้งเรื่องการใช้น้ำ โดยมีสำนักงานจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อ

มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น ใช้... มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น — มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น ใช้เครื่องหมาย Q ผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน พร้อมต่อยอด...

แนะเกษตรกรผู้ปลูกลำไยขึ้นทะเบียนเกษตรกรรอ... "รมช.อัครา" ลุยพะเยาต่อเนื่อง! มอบนโยบายจัดทำการเกษตรแบบเป็นระบบ — แนะเกษตรกรผู้ปลูกลำไยขึ้นทะเบียนเกษตรกรรอมาตรการช่วยเหลือไร่ละ 1,400 บาท พร้อมเตรียมสร้...

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกร... กระทรวงเกษตรฯ ตั้ง "War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา" — นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ค...