กรมประมงแจงข้อเรียกร้อง หลังชาวประมงขู่งดจับปลาเตรียมตบเท้าเข้าทำเนียบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          จากกรณีที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าวชาวประมงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) โดยเสนอ 8 ประเด็นปัญหาให้รัฐบาลแก้ไขโดยเร่งด่วน ได้แก่ (1) ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมง (2) ประเด็นปัญหากฎหมายของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานต้องการให้ภาครัฐแก้ คือ ประกาศของกรมประมงวันที่ 17 มี.ค.2560 ที่ให้เจ้าของเรือประมงต้องดำเนินการ 12 ข้อให้ครบถ้วน อาทิ ต้องมีทะเบียนเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ ใบอนุญาตการทำประมง ใบอนุญาตนายท้ายเรือ ฯลฯ มิเช่นนั้นจะมีความผิดที่มีบทลงโทษรุนแรงตาม พ.ร.ก.การประมง ซึ่งบางข้อกำหนดมีความซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานอื่นและมีบทกำหนดโทษที่รุนแรงเกินควร เช่น การลืมกรอกรายละเอียดในล็อกบุ๊กการจับปลาในบางวัน ก็มีการปรับสูงเป็นเงินกว่าแสนบาทขึ้นไป หรือกักเรือไว้ก่อน เป็นต้น (3) ปัญหากฎหมายประมง (4) ปัญหาการแจ้งเรือเข้า-ออก (PIPO) (5) ปัญหาเรื่องเรือปั่นไฟ (6) ปัญหาเรื่องการรับซื้อเรือคืน (7) ปัญหา VMS (8) ปัญหาการเตรียมเสนอให้ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา C188 โดยจะเตรียมเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมที่ศาลากลางของแต่ละจังหวัด และรวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ นั้น
          นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ภาครัฐได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาการทำประมงที่ไม่ถูกต้องที่สั่งสมมาช้านานในทุกขั้นตอน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้มีใช้อย่างยั่งยืน
          สำหรับ ข้อเรียกร้องดังกล่าวนั้น กรมประมงขอเรียนชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมประมง ดังนี้
          (1) ปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมง ในรอบปีที่ผ่านมากรมประมงได้ตอบรับข้อเสนอของชาวประมงเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมง โดยได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทยในการเปิดให้ขึ้นทะเบียนแรงต่างด้าวเพื่อมาทำงานในเรือประมง มีคนต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนและขอรับหนังสือคนประจำเรือในครั้งนั้นจำนวน 13,455 ราย ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2561 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และชาวประมง ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในกิจการประมงทะเล โดยมีข้อสรุปให้ขยายเวลาให้แรงงานต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือตามมาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง ฯ ในครั้งที่ผ่านมา จำนวน 13,455 ราย ที่จะหมดอายุการทำงานในวันที่ 30 กันยายน 2561 ซึ่งกรมการจัดหางาน จะนำเรื่องเสนอไปยังอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย (อกคร.) เพื่อพิจารณาอนุมัติแนวทางการขยายเวลาทำงานไปจนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพื่อให้เท่าเทียมกับแรงงานประมงทะเลที่ถูกต้องตามกฎหมายเดิม ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานเพิ่มเติมนั้น เนื่องจากกรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนโยบายการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาพรวม กรมประมงจะหารือและนำเสนอกระทรวงแรงงาน เพื่อนำเรื่องเข้าอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย (อกคร.) เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของชาวประมงต่อไป
          (2) ปัญหากฎหมาย ที่ให้เจ้าของเรือประมงต้องดำเนินการ 12 ข้อให้ครบถ้วน อาทิ ต้องมีทะเบียนเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ ใบอนุญาตการทำประมง ใบอนุญาตนายท้ายเรือ ฯลฯ ก่อนมีการแจ้งออกไปทำการประมง ผ่านศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก นั้น ข้อกำหนดดังกล่าวเกี่ยวข้องกับประกาศของกรมประมงฯ ที่ออกตามมาตรา 82 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.๒๕๕๘ ซึ่งประกาศฯ ฉบับดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของเรือประมง ก่อนออกไปทำการประมง ซึ่งกรมประมงได้มีการหารือร่วมกับชาวประมงถึงข้อขัดข้องดังกล่าว โดยได้เตรียมปรับปรุงประกาศฯ ฉบับดังกล่าว เพื่อลดความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ (12 รายการ) และอำนวยความสะดวกแก่ชาวประมงในการแจ้งเข้าแจ้งออกทำการประมง เนื่องจากปัจจุบัน กรมประมงและกรมเจ้าท่าได้มีการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิคส์ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว การตรวจสอบเอกสารและการขออนุญาตต่างๆ พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้จากระบบอยู่แล้ว โดยไม่จำต้องให้ชาวประมงยื่นเอกสารดังกล่าวอีกต่อไป โดยจะลดเอกสารที่ต้องยื่นจากเดิม 12 รายการ เหลือเพียง 5 รายการเท่านั้น ได้แก่ 1.สำเนาทะเบียนเรือไทย 2.สำเนาใบอนุญาตใช้เรือ 3.สำเนาใบอนุญาตให้ทำการประมง 4.จำนวนรายชื่อและหนังสือคนประจำเรือ 5.หลักฐานเกี่ยวกับการจัดระบบความปลอดภัย สุขอนามัย และสวัสดิภาพในการทำงานของคนประจำเรือ ซึ่งเป็นเอกสารที่สำคัญ โดยเจ้าของเรือสามารถยื่นเอกสารได้ด้วยตนเอง หรือ ยื่นผ่านระบบSingle Window 4 Fishing Fleet ในเว็บไซต์ http://fpipo.md.go.th โดยจะทำการยื่นเอกสารเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ต้องยื่นในแต่ละครั้งที่มีการแจ้งออกทำการประมงอีกต่อไป ยกเว้น ในส่วนของเอกสารจำนวนรายชื่อและหนังสือคนประจำเรือที่จะต้องยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการแจ้งเข้าแจ้งออกทุกครั้ง
          (3) ปัญหาข้อขัดข้องของการปฏิบัติตามกฎหมายประมง เนื่องจากพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.๒๕๕๘ ได้มีการใช้บังคับมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว แม้นว่าจะมีการปรับปรุงมาครั้งหนึ่งแล้วในปีที่ผ่านมา ก็อาจยังไม่ครบถ้วน ประกอบกับมีข้อเรียกร้องจากกลุ่มประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ขอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายประมงเพิ่มเติม โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขกฎหมายอันส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบอาชีพการทำประมง ซึ่งจะประกอบไปด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชน และผู้แทนชาวประมงทั้งจากพื้นบ้านและพาณิชย์ โดยมีนายนิวัติ สุธีมีชัยกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวจะมีหน้าที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง ผู้ประกอบการประมง และนำปัญหาข้อร้องเรียนของชาวประมงและบทบัญญัติบางประการในกฎหมายการประมงที่ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน มาพิจารณาหาข้อยุติเพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเสนอปรับปรุงกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อชาวประมงและผู้ประกอบการประมงให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งนี้ เบื้องต้นมีการประชุมไปแล้ว 3 ครั้ง และได้ข้อสรุปถึงแนวทางแก้ไขปัญหาแล้ว อยู่ในระหว่างการเตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายกฤษฎา บุญราช) อย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่ต้องรอผลการศึกษาทางวิชาการมาประกอบ
          (4) ปัญหาการแจ้งเรือเข้า-ออก (PIPO) : เนื่องจากเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า ออก นั้นมาจากหลายหน่วยงาน กรมประมงจึงได้มีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน โดยมีการจัดทำคู่มือปฏิบัติการการตรวจเรือเข้า-ออก สำหรับผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ มีการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการแจ้งเข้าออกเรือประมง นอกจากนี้ได้มีการหารือร่วมกับชาวประมงเพื่อรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวประมงโดยที่ยังคงสามารถเฝ้าระวังมิให้เกิดการทำการประมงที่ผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
          (5) ปัญหาเรื่องเรือปั่นไฟ : ปัญหากรณีนี้ เป็นประเด็นเกี่ยวกับใบอนุญาตของนายท้ายเรือ และช่างเครื่องเรือ ซึ่งชาวประมงประสงค์จะให้สามารถเป็นบุคคลคนเดียวกันได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าว อยู่ในความดูแลของกรมเจ้าท่า และอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข
          (6) ปัญหาเรื่องการรับซื้อเรือคืน : จากการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน หรือ ซื้อเรือคืน ตามแผนบริหารจัดการประมงทะเลเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 โดยมีกลุ่มเรือเป้าหมายที่จะซื้อเรือคืนเพื่อลดจำนวนกองเรือประมงให้สอดคล้องกับสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศ กลุ่มเรือเป้าหมายที่จะนำออกนอกระบบจะต้องเป็นเรือประมง ที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ติดคดีใดๆ ไม่มีใบอนุญาตทำการประมง แจ้งจุดจอด ตรึงพังงา และจัดทำ UVI (อัตลักษณ์เรือ) จากกรมเจ้าท่าเรียบร้อยแล้ว โดยการจัดซื้อครั้งนี้จะจัดซื้อตามสภาพของเรือในปัจจุบัน แต่จะไม่เกินร้อยละ 50 ของราคากลางที่ได้จัดทำไว้ตั้งแต่ปี 2558 สำหรับการจัดซื้อเรือคืนจะแบ่งการจัดซื้อเป็น 3 ระยะ ระยะแรกจะเริ่มจากเรือประมงขนาดเล็กและกลางขนาด10 – 60 ตันกรอส จำนวน 409 ลำ ระยะ 2 เรือประมงขนาด 60,80 - 150 ตันกรอส จำนวน 166 ลำ และระยะที่ 3 ขนาดเกินกว่า 150 ตันกรอส จำนวน 104 ลำ สำหรับขั้นตอนในทางปฏิบัติขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติ โดยจะมีศูนย์บัญชาการแก้ไขการทำประมงผิดกฏหมาย(ศปมผ.) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบอนุมัติให้ดำเนินการ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องก็จะเร่งดำเนินการจัดซื้อเรือออกนอกระบบโดยด่วน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปในส่วนของเรือที่ภาครัฐได้นำออกจากระบบ ลำที่ยังมีสภาพดีจะนำไปทำเป็นปะการังเทียมเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศต่อไป
          (7) ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบติดตามเรือประมง (VMS) : ประเด็นขอเรียกร้องนี้ เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบ VMS ในช่วงที่เรือจอดชาวประมงก็ต้องรับภาระ ซึ่งตามประกาศกรมประมงที่เกี่ยวข้องฯ มีข้อกำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์หรือผู้ควบคุมเรือต้องดูแลระบบติดตามเรือประมงให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา ทั้งขณะที่ออกทำการประมงและขณะที่จอดเทียบท่า กรณีเรือประมงประสงค์ขอแจ้งปิดระบบติดตามเรือประมงให้สามารถทำได้เฉพาะกรณี ดังต่อไปนี้
          - กรณีเรือประมงเกิดการชำรุด เสียหายต้องซ่อมแซมโดยนำเรือประมงขึ้นคาน โดยต้องมีหนังสือรับรองจากอู่ซ่อมเรือ โดยระบุวันที่เริ่มต้นขึ้นคาน และลงจากคาน
          - กรณีอุปกรณ์ระบุตำแหน่งเรือชำรุด และอยู่ระหว่างซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์โดยต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม
          - กรณีเรือประมงอับปาง โดยแนบสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีมาด้วย
          ทั้งนี้ กรมประมงได้มีการหารือร่วมกับชาวประมงถึงข้อขัดข้องดังกล่าว โดยชาวประมงเสนอให้มีการปรับแก้ไขประกาศฯ เพื่อเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการแจ้งขอปิดระบบติดตามเรือประมงเพิ่มเติมได้ในกรณีจำเป็น โดยให้มีการกำหนดมาตรการอื่นเพื่อป้องกันมิให้เรือประมงออกไปทำการประมงในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวได้ ซึ่งกรมประมงอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมในการควบคุมดังกล่าว
          (8) ปัญหาเตรียมเสนอให้ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา C188 : ปัญหาดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงาน
 
 

ข่าวกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน+การทำประมงผิดกฎหมายวันนี้

ม.หัวเฉียวฯ จับมือกรมสวัสดิการฯ ยกระดับวิชาชีพอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (มฉก.) และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ผสานความร่วมมือทางวิชาการ "การส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการวิชาชีพด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย" เพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพ ตอบโจทย์ตลาดแรงงานไทย โดยได้รับเกียรติจาก คุณสุรสิทธิ์ ศรีแก้ว รองอธิบดี เป็นประธานฝ่าย กสร. รศ.ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดี เป็นประธานฝ่าย มฉก. พร้อมด้วย คุณอัครพงษ์ นวลอ่อน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยแรงงาน เป็นพยานฝ่าย กสร. และ อ.ดร.โจนาธาน รันเต คารียอน รองอธิการบดี เป็นพยานฝ่าย

บริษัท เอ แอล ปาล์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใ... "SMO" ขับเคลื่อนองค์กรในเครือสู่มาตรฐานแรงงาน "เอ แอล ปาล์ม" คว้ารางวัลจากกรมสวัสดิการฯ — บริษัท เอ แอล ปาล์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ภายใต้การกำกับดู...

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำก... บลจ.กสิกรไทย เปิดคลาส "กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง"หลักประกันใหม่ที่แรงงานไทยควรรู้ — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) ร่วมกับกรมสวัส...

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ... บางจากฯ ร่วมเป็นภาคีกระทรวงแรงงาน ลงนามในปฏิญญาความปลอดภัย — บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยนายทรงพล เนื่องขจร ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคพัฒนาโรงก...

นายกิตติ์ดนัย เจริญศรีสิรภัทร ผู้อำนวยการ... FTI รับ 2 รางวัล จากกระทรวงแรงงานและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประจำปี 2567 — นายกิตติ์ดนัย เจริญศรีสิรภัทร ผู้อำนวยการสายงานทรัพยากรมนุษย์ ตัวแทนจาก บ...

นายทรงพล ผาสุข กรรมการบริหาร บริษัท ซีเอเ... ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่น ระดับประเทศ (ระดับเพชร) ปีที่ 5 — นายทรงพล ผาสุข กรรมการบริหาร บริษัท ซีเอเค อินเตอร์เนชั่น...

นายทรงพล ผาสุข กรรมการบริหาร บริษัท ซีเอเ... ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่น ระดับประเทศ (ระดับเพชร) ปีที่ 5 — นายทรงพล ผาสุข กรรมการบริหาร บริษัท ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำ...