น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ฟื้นตัวตั้งแต่ต้นสัปดาห์ จากปัจจัยบวกสภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 2/2561 เติบโต 4.6% ครึ่งแรกปี 61 เติบโต 4.8% ตามการบริโภคเอกชนที่ขยายตัวดีกว่าคาด และคงคาดการณ์ GDP ปี 2561 เติบโตไว้ที่ระดับ 4.2-4.7%
รวมถึง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าเดือนก.ค.มูลค่าการส่งออกรถยนต์ เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าดีขึ้น โดยปรับเพิ่มเป้าการผลิตรถยนต์เป็น 2.08 ล้านคันจากเดิม 2 ล้านคัน ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ เพิ่มขึ้น 25.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และดัชนีความเชื่อมั่นฯ กรกฎาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 62 เดือน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันจากปัญหาตุรกีแม้ส่งผลกระทบทางอ้อมกับเศรษฐกิจไทยแต่ส่งผลกระทบต่อ fund flow ของตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย และความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวลงจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐฯ ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ 23 ส.ค.
นอกจากนี้ ยังคงมีปัจจัยที่น่าจับตา ได้แก่ การเจรจาการค้าผู้แทนสหรัฐฯ-จีนสัปดาห์นี้ คาดจะพุ่งเป้าไปที่เรื่องเงินหยวนอ่อนค่า วันที่ 22 ส.ค. สหรัฐ เปิดเผย ยอดขายบ้านมือสองเดือนกรกฎาคม และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ส่วน FOMC จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 31 ก.ค. – 1 ส.ค. วันที่23 ส.ค. อียู จะเปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ(PMI) ภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้นเดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนส.ค.
ประกอบกับสหรัฐฯ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ(PMI)ภาคการบริการเบื้องต้นเดือนส.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.และในวันที่ 23-25 ส.ค. มีการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หัวข้อ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนในขาขึ้น คาดดัชนีผันผวนในกรอบ 1,665-1,720 จุด แนะเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าครึ่งปีหลัง 2561 เติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ ANAN, ORI, SC, KCE, XO, CPF, SSP หุ้นที่ได้อานิสงส์จากค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น ได้แก่ SPRC, IRPC, TOP, BCP หุ้น Domestic Play ได้แก่ ROBINS, HMPRO, BEM และหุ้นกลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ได้แก่ KCE, SVI, CPF, GFPT
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติค่าเงินตุรกีหลังมีความช่วยเหลือทางการเงินจากหลายประเทศ และสัปดาห์นี้จะมีการประชุมหารือกันในเบื้องต้นถึงโอกาสลดสงครามการค้ากันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทำให้เกิดการขายทำกำไรในเงินสกุลดอลลาร์ ค่าเงินสกุลหลักจึงกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงและโภคภัณฑ์ที่ถูกขายลงมาในช่วงก่อนหน้า
ขณะที่ในช่วงปลายสัปดาห์จะมีการประชุมการเงินระดับโลกที่ Jackson Hole ซึ่งคาดว่าจะมีการอภิปรายเกี่ยวกับมาตรการกีดกันทางการค้าเป็นประเด็นสำคัญ จึงมีโอกาสที่ค่าเงินดอลลาร์จะแกว่งอ่อนลง ส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,200 ดอลลาร์ซึ่งถ้าสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ จะเป็นสัญญาณยืนยันการกลับทิศทางเป็นขาขึ้นหลังจากที่ร่วงลงมาจากจุดสูงสุดที่ 1,365 ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะสวิงในกรอบเดิมระหว่าง 33.10–33.50 บาท/ดอลลาร์ โดยรับความผันผวนจากการดึงเงินกลับของ Fed กับการไหลเข้าพักของเงินทุนที่เชื่อมั่นว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยมีความแข็งแกร่งกว่าประเทศส่วนใหญ่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำในประเทศรีบาวด์ขึ้นได้ไม่เต็มที่ ทั้งนี้แนะนำซื้อเพื่อเล่นรอบ ส่วนผู้มีสถานะ short ควรปิดทำกำไร
                                                                                                                                        
                            
                            Edison EV ร่วมฉลอง 20 ปี เนื่องในโอกาสครบรอบการส่งออกรถยนต์แบรนด์ DFSK ออกต่างประเทศของ SERES Group
                        
                            CHERY ปฏิบัติการขยายธุรกิจสู่เวทีโลก เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของยานยนต์จากประเทศจีน ด้วยยอดส่งออกทะลุ 5 ล้านคัน
                        
                            OMODA & JAECOO ขึ้นแท่นแบรนด์ยานยนต์โตเร็วที่สุดในปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศแผนลงทุนครบวงจรในไทย เปิดฐานผลิต-ขยายโชว์รูม-ยกระดับบริการ ปี 2568
                        
                            จีเอซี กรุ๊ป เผยกลยุทธ์การทำตลาดต่างประเทศล่าสุด มุ่งก้าวสู่ระดับโลก
                        
                            FAW ฉลองครบรอบปีที่ 70 ด้วยยอดส่งออกโตแข็งแกร่ง
                        
                            Chery ได้รับความสนใจจากทั่วโลก พร้อมเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการรีแบรนด์
                        
                            "เนต้า ออโต้" เดินหน้าตั้งโรงงานในไทย ก้าวสำคัญของบริษัทรถยนต์สัญชาติจีน
                        
                            Chery Group บรรลุยอดขาย 1.23 ล้านคันในปี 2565
                        
                            เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตรถยนต์ 129,231 คัน ลดลงร้อยละ 7.80 ขาย  64,735 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ  15.71 ส่งออก 76,937 คัน ลดลงร้อยละ 3.20