ฟิทช์เชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานะทางการเงินของ GPSC เนื่องจากแหล่งเงินทุนที่บริษัทจะใช้มาจากการกู้หนี้ อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวจะทำให้สถานะทางธุรกิจ และความสัมพันธ์ด้านการดำเนินงานระหว่าง GPSC และกลุ่ม ปตท. แข็งแกร่งขึ้น โดยทั้ง GPSC และ ไทยออยล์ มีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ GPSC ที่ 'A+(tha)' จะยังคงอยู่ภายใต้เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ จนกระทั่งการเข้าซื้อกิจการของ GLOW เสร็จสิ้นสมบูรณ์ และโครงสร้างเงินทุนระยะยาวที่ใช้ในการเข้าซื้อกิจการ และสถานะทางการเงินของบริษัทหลังจากการเข้าซื้อกิจการมีความชัดเจนมากขึ้น ฟิทช์ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบแก่อันดับเครดิตของ GPSC เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2561 หลังจากที่บริษัทได้ประกาศเข้าซื้อหุ้นของ GLOW ในสัดส่วน 69.11 และทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด
ฟิทช์คาดว่าแหล่งเงินทุนที่ GPSC จะใช้ในการลงทุนสำหรับโครงการ ERU จำนวนไม่เกิน 757 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมาจากการกู้หนี้เพิ่มเติม ซึ่ง ในมุมมองของฟิทช์ อาจทำให้อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทหลังจากการเข้าซื้อกิจการของ GLOW ลดลงในอัตราที่ช้าลงเมื่อเปรียบเทียบกับประมาณการก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามประมาณการอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากที่ประมาณการไว้ จนถึงปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทต้องชำระเงินลงทุนส่วนใหญ่ของโครงการ ERU ฟิทช์คาดว่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO-adjusted net leverage) หลังจากการเข้าซื้อกิจการของ GLOW ที่ฟิทช์ประมาณการไว้สำหรับปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 4.4 เท่า จาก 3.2 เท่า แต่จะลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่โครงการเริ่มมีกระแสเงินสดจากการดำนเนินงาน
ฟิทช์เชื่อว่าการลงทุนในโครงการ ERU จะทำให้สถานะทางธุรกิจของ GPSC ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น และการกระจายตัวด้านสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น GPSC น่าจะได้รับประโยชน์จากกระแสเงินสดของโครงการที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากรายได้ทั้งหมดของโครงการมาจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำกับผู้รับซื้อรายเดียวของโครงการ ซึ่งได้แก่ไทยออยล์ โดยสัญญาดังกล่าวป้องกันความเสี่ยงต่อบริษัทจากปริมาณการขายไฟฟ้า และการจัดหาเชื้อเพลิง โดยโครงการจะได้รับการชำระค่าพลังงาน (Capacity Payment) ตามความสามารถในการรักษาการพร้อมจ่ายไฟฟ้าต่อไทยออยล์ โดยไม่ขึ้นกับปริมาณการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้โครงการสามารถส่งผ่านต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและต้นทุนแปรผันที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากการผลิตไฟฟ้าไปยังไทยออยล์ได้ การก่อสร้างโครงการน่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 โดยหลังจากโครงการเริมดำเนินการแล้ว โครงการน่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวนประมาณ 2.2 พันล้านบาท ต่อปี หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 11 ของ EBITDA ทั้งหมดของ GPSC หลังการเข้าซื้อกิจการ GLOW
ในการพิจารณายกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ นอกจากฟิทช์จะพิจารณาผลกระทบทางด้านการเงินจากการเข้าซื้อกิจการของ GLOW และการลงทุนในโครงการ ERU แล้ว ฟิทช์จะพิจารณาถึงสถานะทางธุรกิจของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นจากการลงทุนดังกล่าว นอกจากนี้ฟิทช์จะพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง GPSC และบริษัทแม่ซึ่งได้แก่ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยรวมถึงการสนับสนุนเพิ่มเติมพิเศษ และความสัมพันธ์ด้านการดำเนินงาน และกลยุทธ์ของกลุ่ม ปตท.
GPSC ปิดดีลขายหุ้น โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 33.33% รุกกลยุทธ์ปรับพอร์ต เน้นการลงทุนต่อยอดสร้างผลตอบแทน
GPSC กำไรครึ่งปี 3,159 ลบ. รับส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมพุ่ง พร้อมเดินหน้าลงทุนพื้นที่ศักยภาพ
GPSC สร้างฝายชะลอน้ำ เสริมระบบนิเวศ หนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero
GPSC ปลื้มฟิทช์ปรับแนวโน้มขึ้นเป็น 'stable' และคงอันดับเครดิต องค์กรในประเทศ "A+" และสากล "BBB-" จากฟิทช์ เรทติ้ง สะท้อนศักยภาพการเงินที่มั่นคง การบริหารจัดการองค์กรมุ่งเติบโตยั่งยืน
GPSC กวาด 7 รางวัล Finance Asia Awards 2025 การันตีบริษัทพลังงานหมุนเวียนชั้นนำ ผู้นำนวัตกรรมพลังงานเพื่อความยั่งยืน
GPSC เปิดแผนศึกษา SMR เทคโนโลยี Gen IV ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด ตอบโจทย์ภาคการผลิต มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions
GPSC เปิดบ้านต้อนรับผู้บริหาร กฟผ. ศึกษาดูงาน พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้การบริหารความเสี่ยงและการจัดการภาวะวิกฤต
กลุ่ม ปตท. ผนึกกำลังศึกษาการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ สำหรับเป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้า ลดการปลดปล่อยคาร์บอน หนุนเป้าหมาย Net Zero