มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 และการเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (มาตรการฯ) และให้ความเห็นชอบการดำเนินการ 2 เรื่อง คือ (1) การดำเนินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 (มาตรการฯ ระยะที่ 2) และ (2) การเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอกนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
          1. ความคืบหน้าการดำเนินมาตรการฯ 
          ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้าร่วมมาตรการฯ จำนวน 4,145,397 ราย ซึ่งได้รับการพัฒนาแล้วจำนวน 3,267,941 ราย และจากผลการติดตามความคืบหน้าการพัฒนาตนเองของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูล ณ สิ้นปี 2561 สามารถติดตามได้ จำนวน 2,607,195 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้ที่พัฒนาแล้ว สรุปได้ ดังนี้ 
          1.1 มีผู้มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 บาทต่อปี หรือเป็นผู้พ้นจากเส้นความยากจนมีจำนวน 1,012,727 ราย จากเดิมเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี คงเหลือ 1,040,842 ราย (ก่อนพัฒนามีจำนวน 2,053,569 ราย) 
          1.2 มีผู้มีรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อปี จำนวน 115,116 ราย (ก่อนพัฒนามีจำนวน 0 ราย)
          2. การดำเนินมาตรการฯ ระยะที่ 2 
          จากผลสำเร็จของการดำเนินมาตรการฯ มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหลุดพ้นจากเส้นความยากจน (Poverty Line) หรือมีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อปี และหลุดพ้นจากความยากจน หรือมีรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อปี ดังนั้น เพื่อให้การสนับสนุนและส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาตนเองของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพและการมีรายได้ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงการคลังจึงเสนอขยายเวลาการดำเนินมาตรการฯ ต่อไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
          2.1 หลักการและโครงสร้างการดำเนินงาน คงหลักการและโครงสร้างการดำเนินการเช่นเดียวกับ การดำเนินมาตรการฯ ที่ผ่านมา และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมมาตรการฯ จำนวน 4,145,397 ราย มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ให้ได้รับการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ในปี 2559 จะได้รับเงินจำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี ในปี 2559 จะได้รับเงินจำนวน 100 บาทต่อคนต่อเดือน ต่อไปอีก 6 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2562
          2.2 กลุ่มเป้าหมายและการพัฒนา แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
          (1) กลุ่มผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ซึ่งกลุ่มนี้ได้มีการแสดงความประสงค์ว่าจะเข้าร่วมพัฒนาในโครงการพัฒนาของหน่วยงานพัฒนาที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน (ธ.ออมสิน) ให้หน่วยงานพัฒนาที่เกี่ยวข้องดำเนินการพัฒนาผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ในกลุ่มนี้ให้เป็นกลุ่มเป้าหมายแรกภายใต้โครงการของแต่ละหน่วยงาน โดยพัฒนาให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2562 
          (2) กลุ่มผู้ที่ผ่านการพัฒนาแล้วแต่ยังมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี เพื่อให้มีการพัฒนาทักษะและศักยภาพของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ในกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องจนสามารถประกอบอาชีพให้มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี เห็นควรให้ ธ.ก.ส. และ ธ.ออมสิน ในฐานะผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดำเนินการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในกลุ่มนี้ต่อไป 
          3. การเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 
          เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ อันจะช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ และส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ จึงปรับเปลี่ยนการเติมเงินรายเดือนวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบ เพื่อเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านค้าอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด (วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นฯ) โดยแบ่งเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐส่วนหนึ่ง เฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2562 (3 เดือน) โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถถอนเงินสดผ่านตู้ ATM และสาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ 
          ทั้งนี้ การแบ่งเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นการช่วยเพิ่ม ความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากจะไม่มีการตัดวงเงินส่วนที่เหลือจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือนในกรณีที่ใช้เงินไม่หมด ซึ่งต่างจากวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นฯ ดังนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อร้านธงฟ้าประชารัฐ หากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้เงินจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่สะสมไว้ไปชำระค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นฯ จากร้านธงฟ้าประชารัฐ อีกทั้งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังคงได้รับเงินชดเชยเป็นจำนวนเท่ากับจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ชำระจากค่าซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นฯ ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมรายการ โดยจะคืนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนถัดไป ภายในกรอบไม่เกินรายละ 500 บาทต่อคนต่อเดือน


รายได้ของ

ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ        

ปี 2559

ปัจจุบันวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่จำเป็นฯ

แนวทางใหม่

(เดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2562)

รวม

(1) + (2)

วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค     ที่จำเป็นฯ


  เติมเงินเข้ากระเป๋าเงิน

 อิเล็กทรอนิกส์

         (E-money)

  1. ผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

    300

    100

    200

    300

    2. ผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี   

       แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี

    200

    100

    100

    200

     
              สำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
              โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3509 
              โทรสาร 0 2273 9088
     
     

    ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง+บัตรสวัสดิการแห่งรัฐวันนี้

    ความคืบหน้าการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ในโครงการเราชนะของประชาชนและการรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อยที่สนใจเข้าร่วมโครงการ

    นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ในโครงการเราชนะของกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (กลุ่มผู้ถือบัตรฯ) ที่ได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วมากกว่า 6,400ล้านบาท โฆษกกระทรวงการคลังเน้นย้ำสำหรับผู้ประกอบการร้านค้าในกลุ่มร้านอาหารและ

    ประเด็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM)

    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขณะนี้มีประเด็นข่าวว่า มาตรการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (20 สิงหาคม 2562) ส่งผล...

    ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถดำเนินธุรกรรมทางการเงินได้ตามปรกติ

    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถดำเนินธุรกรรม ทางการเงินใด ๆ ได้ อาทิ การขอสินเชื่อ เป็นต้น...

    รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 และ 2562 “เศรษฐกิจไทยปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 4.1 และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 4.0 ในปี 2562”

    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือนมกราคม 2561 ว่า ...

    การลงพื้นที่ติดตามผลการฝึกอบรมอาชีพตามมาตรการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจังหวัดลำปาง

    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง และนายลวรณ แสงสนิท...

    การลงพื้นที่ติดตามผลการฝึกอบรมอาชีพตามมาตรการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจังหวัดหนองคาย

    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์ รองผู้อำนวยการสำนักงาน...

    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐก... ภาพข่าว: แถลงข่าวผลการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2561 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง — นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโ...

    มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า "คณะรัฐมนตรีในคราวการประชุมวันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน 2561 มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 4 มาตรการ...