การใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) ส่งผลเสียต่อธุรกิจ
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ซีไอโอ (CIO) ต่างพบว่าซอฟต์แวร์ที่ไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) มีความเสี่ยงมากและส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามมา นอกจากนี้ ยังพบว่าองค์กรธุรกิจสามารถสร้างผลกำไรให้เพิ่มขึ้นได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ที่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) ไอดีซี (IDC) ประเมินว่าหากองค์กรธุรกิจมีการบริหารจัดการซอฟต์แวร์ที่ดีแล้ว ผลกำไรอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11
ปัจจุบัน องค์กรธุรกิจจำนวนมากมีความเสี่ยงสูงถึงหนึ่งในสามที่จะเผชิญกับการจู่โจมของมัลแวร์ ในเวลาที่ใช้งานหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) รวมถึงใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) มาพร้อมกัน การจู่โจมของมัลแวร์ในแต่ละครั้งสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรธุรกิจ โดยเฉลี่ยถึง 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอาจใช้เวลาในการแก้ปัญหาดังกล่าวนานถึง 50 วัน
นอกจากนี้ หากการจู่โจมของมัลแวร์ดังกล่าวทำให้องค์กรธุรกิจไม่สามารถให้บริการหรือดำเนินงานได้ หรือสูญเสียข้อมูลทางธุรกิจ ย่อมส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงด้วยเช่นกัน
ค่าใช้จ่ายในการจัดการกับปัญหามัลแวร์อันเนื่องมาจากการใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) นั้นเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันนี้องค์กรธุรกิจอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องที่ถูกจู่โจมโดยมัลแวร์ และทำให้องค์กรธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายกว่า 359,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีอีกด้วย
ปัจจุบัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ซีไอโอ (CIO) ต้องการความแน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์กรของพวกเขา มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) ถูกต้องครบถ้วน และเหตุผลอันดับหนึ่ง คือเพื่อหลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากมัลแวร์ การตรวจสอบภายในองค์กรเพื่อทำให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งและใช้งานอยู่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) ถูกต้องครบถ้วน และการใช้ซอฟต์แวร์เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อองค์กรธุรกิจ ทั้งในด้านผลประกอบการและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัญหามัลแวร์ ทำให้องค์กรธุรกิจต่างหันมาใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งทำให้องค์กรธุรกิจมีสิทธิได้รับบริการสนับสนุนด้านความปลอดภัยจากบริษัทซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
องค์กรธุรกิจสามารถดำเนินการตามขั้นตอนที่สำคัญได้ทันที เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการซอฟต์แวร์และเพื่อประโยชน์ต่างๆ ที่จะตามมา รวมถึงประโยชน์สูงสุดจากการใช้งานซอฟต์แวร์ โดยปฏิบัติตามแนวทางของการบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานสากล ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่ทำงานอยู่บนเครือข่ายเป็นซอฟต์แวร์ที่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) ถูกต้องครบถ้วน แต่ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดปัญหาจากการใช้งานซอฟต์แวร์ ช่วยรวมศูนย์การจัดการสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) เพื่อความสะดวก และลดต้นทุนอีกด้วย
ผลการศึกษาจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจสามารถประหยัดต้นทุนสำหรับซอฟต์แวร์ต่อปี ได้สูงถึงร้อยละ 30 โดยปฏิบัติตามแนวทางของการบริหารจัดการซอฟต์แวร์ตามมาตรฐานสากล รวมถึงวางแผนการจัดหาและใช้งานซอฟต์แวร์ต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ
