ILINK มาเหนือเมฆปี 61 กำไรสุทธิพุ่งกระฉูด 352.13% หรือแตะ 314.5 ล้านบาท

06 Mar 2019
ILINK มาเหนือเมฆปี 61 กำไรสุทธิพุ่งกระฉูด 352.13% หรือแตะ 314.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244.94 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 69.56 ล้านบาท รับอานิสงส์สยายปีกธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์สู่ประเทศเพื่อนบ้าน "ลาว-เมียนมาร์-กัมพูชา" ด้านบอร์ดไฟเขียวปันผลงวดปี 61 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท กำหนดจ่ายเงินในวันที่ 23 พ.ค. 62 และปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท
ILINK มาเหนือเมฆปี 61 กำไรสุทธิพุ่งกระฉูด 352.13% หรือแตะ 314.5 ล้านบาท

นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิว นิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่าผลประกอบการในปี 2561 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.61) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,369.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,118.87 ล้านบาท หรือ 26.32% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 4,251.00 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 314.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244.94 ล้านบาท หรือ 352.13 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 69.56 ล้านบาท เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทฯ ได้เริ่มขยายธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว,สาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์และราชอาณาจักรกัมพูชา นอกจากนี้ยังเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบอาเซียนอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อขยายฐานธุรกิจให้เติบโต ต่อเนื่องและยั่งยืน

"ผู้บริหารรุ่นใหม่ได้นำจุดแข็งของการที่บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไปต่อยอด โดยได้ก่อตั้งบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ซึ่งเป็นบริษัทลูก ด้วยการนำสายสัญญาณที่จำหน่ายไปก่อสร้างเป็นโครงข่ายใยแก้วนำแสง เพื่อให้บริการธุรกิจด้านโทรคมนาคมและได้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโทรคมนาคมกับ กสทช. โดยสร้างโครงข่ายสายใยแก้วนำแสงไปทั่วประเทศไทยและเปิดให้บริการเชื่อมโยงข้อมูล (Data Service) และสร้างศูนย์เก็บข้อมูล (Data Center) เพื่อให้บริการลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าที่มีสาขา โดยเน้นการให้บริการที่ดีกว่าและรับประกัน SLA99.99% (Service Level Agreement)" นายสมบัติ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าภาครัฐ ประกอบกับบริษัทฯ มีทีมวิศวกรที่แข็งแกร่ง จึงสามารถขยายธุรกิจวิศวกรรมโครงการพิเศษ โดยเริ่มจากการเป็นผู้รับเหมา Turnkey งานก่อสร้างโครงข่ายสายใยแก้วนำแสงต่อเนื่องไปสู่งานวิศวกรรมโครงการก่อสร้างสายไฟฟ้าแรงสูงใต้ทะเล (Submarine Cable) และงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงทั้งใต้ดิน (Underground) และสายไฟฟ้าบนดิน (Transmission Line) รวมถึงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) และอื่นๆ โดยจะเน้นการรับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเป็นหลักและจะดำเนินงานในนามของบริษัทลูก คือบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

ดังนั้นผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ เป็นธุรกิจหลักและสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง 2. ธุรกิจโทรคมนาคม ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

และได้ Spin Off เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไปเรียบร้อยแล้ว และ 3. ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ เป็นการรับงานจากภาครัฐเป็นหลัก โดยสัดส่วนของรายได้ยังคงเน้นเฉพาะธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณและธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 และในปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท ข้อมูลบริษัท :

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย 3 ธุรกิจ ได้แก่ธุรกิจจัดจำหน่าย โดยเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเปิดดำเนินธุรกิจมานานกว่า 32 ปี มีสาขา 5 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศและมีตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าและร้านค้า อยู่ทั่วประเทศมากกว่า 12,000 ราย รวมทั้งลูกค้าภาครัฐอีกมากกว่า 100 องค์กร อีกทั้งยังได้นำความเชี่ยวชาญมาต่อยอดเป็น ธุรกิจโทรคมนาคม โดยเป็นผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านโครงข่ายสายไฟเบอร์ออฟติกทั่วไทยเน้นลูกค้าที่มีการเชื่อมโยงสาขา ทั้งภาคธุรกิจ ภาคการเงินและภาครัฐ โดยยังได้สร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้บริการรับฝากข้อมูลของลูกค้ารายใหญ่อีกด้วยและอีกหนึ่งธุรกิจที่นำความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรรมมารับเหมางานโครงการก็คือ ธุรกิจวิศวกรรม เป็นโครงการ Turn Key การก่อสร้างระบบโครงข่ายและระบบสายเคเบิ้ลไฟฟ้าและสื่อสาร เช่น ระบบสายไฟฟ้าใต้ทะเล โครงการสายส่งไฟฟ้า และสายเคเบิ้ลใต้ดิน เป็นต้น ในปี 2562 ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท โดยประมาณการสัดส่วนรายได้ดังนี้

1.ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (DISTRIBUTION) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 45%)

2.ธุรกิจโทรคมนาคม (TELECOM) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 37%)

3.ธุรกิจวิศวกรรมและโครงการพิเศษ (ENGINEERING) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 18%)