อบก. หนุนภาคเอกชนลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซีพีเอฟขานรับเพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานทดแทน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. สนับสนุนภาคเอกชนทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และภาคธุรกิจ ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม โดยร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ย้ำปี 2563 ตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 7-20 % ด้านบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ขานรับนโยบายเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน 
          นางประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย ผู้อำนวยการ อบก. เปิดเผยว่า ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมาก เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ซึ่งทั่วโลกตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าว ในส่วนของประเทศไทยตั้งเป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 7-20 % ในปี 2563 และภายในปี 2573 จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20-25 % หรืออย่างต่ำ 111 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีอบก.ทำหน้าที่สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 
          ที่ผ่านมา ภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และภาคธุรกิจซึ่งเป็นผู้ผลิต ให้ความใส่ใจร่วมลดก๊าซเรือนกระจก อาทิ ซีพีเอฟ เป็นตัวอย่างของธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่ช่วยลดและบรรเทาภาวะโลกร้อน มีการดำเนินโครงการลดการใช้พลังงาน เพิ่มการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลซึ่งเป็นพลังงานสะอาดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น และเข้าร่วมโครงการกิจกรรมสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกของอบก. เช่น การเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก(Low Emission Support Scheme: LESS ) การขอรับรองฉลากคาร์บอน เป็นต้น 
          ด้าน นายจารุบุตร เกิดอุดม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อมและพลังงาน ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน มีการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่มี
          นโยบายรณรงค์ประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานตั้งแต่ปี 2547 และในปี 2559 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายระยะยาวเพื่อลดการใช้พลังงานรวมต่อตันการผลิตและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงให้ได้ร้อยละ 15 ในปี 2563 เทียบกับปี 2558 ล่าสุดในปี 2561 สามารถลดการใช้พลังงานรวมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อตันการผลิตลดลงร้อยละ 6 และ 8 ตามลำดับ เป็นผลจากโครงการด้านพลังงานและการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน อาทิ การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลทดแทนถ่านหินในหม้อไอน้ำสายธุรกิจผลิตอาหารสัตว์บก และโครงการใช้ก๊าซชีวภาพในสายธุรกิจไก่เนื้อและไก่ไข่ ทำให้ซีพีเอฟประสบผลสำเร็จสูงสุดในการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนจากร้อยละ 21 เป็นร้อยละ 25 ตามเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนของประเทศไทย และซีพีเอฟยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการใช้พลังงานทดแทนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นในปีต่อๆไป 
          ทั้งนี้ ซีพีเอฟดำเนินโครงการด้านลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยระหว่างปี 2552- 2561 มีโครงการด้านลดการใช้พลังงานกว่า 350 โครงการ บริษัทฯ คาดว่าในปี 2562 สามารถลดใช้พลังงานรวมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อตันการผลิตเทียบกับปี 2558 เพิ่มเป็นร้อยละ 10 และ 12 ตามลำดับ จากการดำเนินโครงการต่าง ๆ อาทิ การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 5,354 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โครงการซีพีเอฟ โซลาร์ รูฟท็อป ซึ่งเป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาขนาด 40 เมกะวัตต์ (MW) โดยจะติดตั้งโรงงานแห่งแรกที่โรงงานแปรรูปไข่บ้านนา จังหวัดนครนายก และมีแผนจะดำเนินการทั้งหมด 34 หน่วยงานให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 28,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เป็นต้น 
          นอกจากนี้ บริษัท ฯ ร่วมกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)กระทรวงพลังงาน จัดอบรมให้แก่ผู้ตรวจสอบและรับรองตรวจสอบการจัดการพลังงานตามกฎหมายของซีพีเอฟ (CPF Energy Auditor) พัฒนาความเชี่ยวชาญ เทคนิคการตรวจสอบการจัดการพลังงานให้มีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยพัฒนาระบบการจัดการพลังงานของบริษัทฯให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อบก. หนุนภาคเอกชนลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซีพีเอฟขานรับเพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานทดแทน
 
          
 

ข่าวองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก+ประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัยวันนี้

เดอะ สตรีท รัชดา - ซีดับเบิ้ลยู ทาวเวอร์ ได้รับเครื่องหมาย "คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร" ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา และ อาคารซีดับเบิ้ลยู ทาวเวอร์ ได้รับเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความรับผิดชอบและมุ่งมั่นในการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรฯ การรับรองเครื่องหมายฉลากคาร์บอนนี้ อบก. ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นให้ภาคส่วนต่าง ๆ ประเมินการปล่อยก๊าซ

นักรบ กุลพนิชย์ (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายบริห... เซนเซส พร็อพเพอร์ตี้ฯ รับมอบประกาศนียบัตร เครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน — นักรบ กุลพนิชย์ (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน บริษัท เซนเซส พร็อพเพอร์ตี้ ...

เมื่อเร็วๆ นี้ ปุ๋ยตรากระต่าย โดยบริษัท เ... "เจียไต๋" รับมอบประกาศนียบัตรฉลากคาร์บอน ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมเกษตรเพื่อความยั่งยืน — เมื่อเร็วๆ นี้ ปุ๋ยตรากระต่าย โดยบริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตก...

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่... PTG คว้ารางวัล Premium T-VER Award — นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ...