สำหรับเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย กำหนดเป็นเกณฑ์ชี้วัดสำหรับการประเมิน 5 เกณฑ์ ได้แก่ 1. การแสดงความเชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทตามยุทธศาสตร์ชาติ 2. การกำหนดวัตถุประสงค์ของนโยบาย 3. การประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย 4. มีกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบ ความคุ้มค่า ความเป็นไปได้ และความเสี่ยงของนโยบายด้วยการมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบ และ 5. การเสริมสร้างความโปร่งใสในการพัฒนานโยบายของพรรคการเมือง และเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ กำหนดเป็นเกณฑ์ชี้วัดสำหรับการประเมินได้ 4 เกณฑ์ ได้แก่ 1. มีการเตรียมการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตในขั้นก่อนการดำเนินการตามนโยบาย 2. มีการเตรียมการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อการทุจริต และการติดตามการดำเนินการตามนโยบาย 3. มีการเตรียมการประเมินผลการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อการทุจริต และ 4. มีการเตรียมการสร้างความโปร่งใสในขั้นการนำนโยบายสู่การปฏิบัติด้วยการสื่อสารการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อการทุจริต และการสร้างการเฝ้าระวัง
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่จะทำให้หลักเกณฑ์นี้ประสบความสำเร็จได้ คือเราจะต้องได้รับความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและนำหลักเกณฑ์นี้ไปใช้ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง มอนิเตอร์ความผิดปกติ โดยเฉพาะขั้นตอนการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าไปแก้ไขปัญหาในอนาคตด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.nacc.go.th/ewt_news.php?nid=22906&filename=index
หน่วยงานต่อต้านการทุจริตรัสเซีย เข้าหารือข้อราชการระดับสูงและลงนาม MoU กับคณะกรรมการ ป.ป.ช.
UN หนุนไทยออก พ.ร.บ. ต้านโกง
ปตท. รับรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส รางวัลแห่งเกียรติยศด้านธรรมาภิบาลและความโปร่งใส
ป.ป.ช. ให้การต้อนรับ Mrs. Yu Hongqui รองประธาน NCS พร้อมคณะ
ประสานความร่วมมือ
บสย.รับรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส (NACC Integrity Awards) ครั้งที่ 10 ประจำปี 2564
ก.ล.ต. เข้ารับรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใสครั้งที่ 10 จากสำนักงาน ป.ป.ช. ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2