เผยสินค้า Top4 มหาสารคาม แนะพืชทางเลือก 'มันฯ-กล้วยหอมทอง-พืชผัก’ ทดแทนนาข้าวพื้นที่ S3/N

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri - Map) ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 4 (สศท.4) จังหวัดขอนแก่น ได้ทำการศึกษาสินค้าเกษตรที่สำคัญ Top4 ของจังหวัด พบว่า ข้าวเหนียวนาปี อ้อยโรงงาน โคเนื้อ และกระบือ เป็น 4 สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงสุดของจังหวัด โดยทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่เหมาะสม (S1,S2) กับพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) เพื่อนำมาวิเคราะห์แนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ และนำเสนอสินค้าเกษตรทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงให้แก่เกษตรกร สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสมของนาข้าวตามแผนที่ Agri-Map
          จากการศึกษา พบว่า ปัจจุบัน จังหวัดมหาสารคาม มีพื้นที่เหมาะสม (S1,S2) สำหรับการปลูกข้าว จำนวน 1,380,100 ไร่ และพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) จำนวน 789,800 ไร่ ในขณะที่อ้อยโรงงาน มีพื้นที่เหมาะสม (S1,S2) สำหรับการปลูกจำนวน 90,956 ไร่ และพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) จำนวน 84,962 ไร่
          หากพิจารณาผลตอบแทนสุทธิจากการผลิต ข้าวเหนียวนาปี ในพื้นที่เหมาะสม (S1,S2) พบว่า เกษตรกรได้กำไร 1,353 บาท/ไร่ ส่วนพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) เกษตรกรขาดทุน 2,160 บาท/ไร่ อ้อยโรงงาน ในพื้นที่เหมาะสม (S1,S2) ได้กำไร 1,311 บาท/ไร่ ส่วนในพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) ได้กำไร 355 บาท/ไร่ ด้านโคเนื้อและกระบือ ไม่แยกพื้นที่ความเหมาะสม โดยโคเนื้อ ให้ผลตอบแทน 7,921 บาท/ตัว และ กระบือ ให้ผลตอบแทน 6,307 บาท/ตัว
          สำหรับสินค้าทางเลือกเพื่อปรับเปลี่ยนนาข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม พบว่า มันสำปะหลัง สามารถให้ผลตอบแทนสุทธิที่สูงกว่าข้าวเหนียวนาปี โดยมีต้นทุน 6,621 บาท/ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ เกษตรกรได้กำไร 551 บาท/ไร่ กล้วยหอมทอง มีต้นทุน 28,091 บาท/ไร่ เกษตรกรได้กำไรในปีแรก 657 บาท/ไร่ (ผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นในปีถัดไป) พืชผักอาทิ กะหล่ำปลี ปลูกปีละ 1 รอบ เฉพาะช่วงฤดูหนาว เริ่มปลูกธันวาคม อายุเก็บเกี่ยว 120 วัน ต้นทุน 20,358 บาท/ไร่/รอบการผลิต เกษตรกรได้กำไร 26,925 บาท/ไร่ 
          ผักรวม ได้แก่ ผักชี ต้นหอม โหระพา สะระแหน่ ใบแมงลัก กะเพรา ซึ่งปลูกได้ตลอดปี อายุเก็บเกี่ยว 40-50 วัน มีต้นทุน 7,068 บาท/ไร่/รอบการผลิต เกษตรกรได้กำไร 11,755 บาท/ไร่/รอบการผลิต และผักกาด ปลูกปีละ 3 รอบ ช่วงเวลาปลูก ธันวาคม-พฤษภาคม อายุเก็บเกี่ยว 45 วัน ต้นทุน 2,395 บาท/ไร่/รอบการผลิต เกษตรกรได้กำไร 9,382 บาท/ไร่/รอบการผลิต
          ด้านนายฉกาจ ฉันทจิระวัฒน์ ผู้อำนวยการ สศท.4 กล่าวเสริมว่า ผลการศึกษาดังกล่าว สศท.4 ได้นำเสนอในที่ประชุม โครงการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ (Zoning) ปี 2561 ของจังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนส่วนราชการ รวมทั้งผู้แทนเกษตรกร เพื่อนำเสนอแนวทางในการบริหารจัดการพื้นที่และรับฟังความคิดเห็น ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเกษตรกรมีข้อเสนอว่านอกเหนือจากสินค้าTop4 และพืชทางเลือกที่เสนอมาแล้วนั้น ควรส่งเสริมการปลูกอินทผาลัม พืชสมุนไพร หม่อนไหม การเลี้ยงโคนม และการเลี้ยงปลาตะเพียนเพื่อแปรรูป ซึ่งสินค้าดังกล่าวยังเป็นที่ต้องการของตลาด และคาดว่าจะเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรให้สามารถเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับสินค้าชนิดใหม่ ที่ยังไม่เคยผลิตในพื้นที่ หากเกษตรกรจะทดลองผลิตจะต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับควรศึกษาข้อมูลต้นทุน ผลตอบแทน และเรื่องการตลาด ตามแนวทางตลาดนำการผลิตให้รอบคอบ หากท่านที่สนใจต้องการสอบถามผลการศึกษาเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สศท.4 โทร. 043 261 513 ต่อ 13 หรืออีเมล [email protected]
เผยสินค้า Top4 มหาสารคาม แนะพืชทางเลือก 'มันฯ-กล้วยหอมทอง-พืชผัก’ ทดแทนนาข้าวพื้นที่ S3/N
 
เผยสินค้า Top4 มหาสารคาม แนะพืชทางเลือก 'มันฯ-กล้วยหอมทอง-พืชผัก’ ทดแทนนาข้าวพื้นที่ S3/N
 
เผยสินค้า Top4 มหาสารคาม แนะพืชทางเลือก 'มันฯ-กล้วยหอมทอง-พืชผัก’ ทดแทนนาข้าวพื้นที่ S3/N
เผยสินค้า Top4 มหาสารคาม แนะพืชทางเลือก 'มันฯ-กล้วยหอมทอง-พืชผัก’ ทดแทนนาข้าวพื้นที่ S3/N

ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่+สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรวันนี้

สศท.6 ชวนเช็คอิน 'สวนผลอำไพ' จ.ตราด แหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ สร้างมูลค่าเพิ่มเชื่อมโยงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นางสาวนริศรา เอี่ยมคุ้ย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านเกษตรอินทรีย์ พ.ศ. 2566 2570 โดยมุ่งยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับชุมชน ระดับประเทศ และระดับสากล ส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการพัฒนาตลาด

นางธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ ผู้อำนวยการสำ... สศท.2 เกาะติดสถานการณ์ผลิตทุเรียนภาคเหนือตอนล่าง ปี 68 รวม 6 จังหวัด แตะ 55,000 ตัน เพิ่มขึ้น 12.47% — นางธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษ...

นายนิกร สงเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิ... สศท.8 เผยผลศึกษาการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้จากมังคุด ตามแนวทาง BCG Model เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร — นายนิกร สงเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 ส...

นางสาวอุษา โทณผลิน ผู้อำนวยการสำนักงานเศร... สศท.3 หนุนสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น 'สับปะรดท่าอุเทน' GI ขึ้นแท่นผลไม้เศรษฐกิจเด่น จ.นครพนม — นางสาวอุษา โทณผลิน ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่...

นายไพฑูรย์ สีลาพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเ... 'กระท้อนนาปริก' จ.สตูล สินค้า GI มุ่งยกระดับคุณภาพ พัฒนาตลาด สร้างรายได้อย่างยั่งยืน — นายไพฑูรย์ สีลาพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 สงขลา...

เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลง เฝ้าระวังโรคแมลง... สศท.10 เกาะติดสถานการณ์มะพร้าวผลแก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปีนี้ ผลผลิตรวม 252 ล้านผล — เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลง เฝ้าระวังโรคแมลง นายกิจษารธ อ้นเงินทยากร ผู้อำ...