สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 02 กรกฎาคม 2019

03 Jul 2019
สภาวะตลาดวันที่ 02 กรกฎาคม 2019 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,382.30 - 1,394.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,250 บาทต่อบาททองคำ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,150 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ19 อยู่ที่ 20,400 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 130 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,270 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.52 น. ของวันที่ 02/07/2019)

แนวโน้มวันที่ 03 กรกฎาคม 2019

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) จำนวน 89 รายการ คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยรายการสินค้าดังกล่าวครอบคลุมถึง ชีส นม กาแฟ ผลิตภัณฑ์โลหะบางชนิด เช่นทองแดง รวมถึงวิสกี้ และผลิตภัณฑ์เนื้อหมู แนวโน้มดังกล่าว กลับมากดดันการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง และสร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ นอกจากนี้ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่ออิหร่านประกาศว่า ได้กักเก็บยูเรเนียมสมรรถนะต่ำมากกว่าที่กำหนดในข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 กับชาติมหาอำนาจโลก ซึ่งทำให้มีคำเตือนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐว่าอิหร่าน "กำลังเล่นกับไฟ" ขณะที่นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ละเมิดข้อตกลง เนื่องจากอิหร่านมีสิทธิ์ในการตอบโต้การถอนตัวของสหรัฐ ประเด็นดังกล่าวสร้างแรงซื้อทองคำเพิ่มเติม ประกอบกับ ทองคำได้รับแรงหนุน จากนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองต้าเหลียน โดยนายหลี่กล่าวว่า จีนจะลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ของธนาคาร และจะลดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเพื่อช่วยลดต้นทุนการระดมทุนสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ขณะเดียวกันนายหลี่กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวในกรอบที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง โดยภาคบริการของจีนมีการขยายตัวรวดเร็วกว่าภาคส่วนอื่นๆ จีนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการลดค่าเงินหยวนเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก ท่าทีดังกล่าวสร้างความหวังว่า อาจจะมีเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้าสู่ตลาดทองคำเพิ่มเติม ขณะที่แรงกดดันต่อสกุลเงินยูโรและราคาทองคำลดลง เมื่อกระทรวงการคลังอิตาลีระบุในแถลงการณ์ว่า คณะรัฐมนตรีอิตาลีได้เห็นชอบที่จะลดเป้าหมายยอดขาดดุลงบประมาณลง 0.3% ในปี 2019 มาตรการดังกล่าวถือว่าจำเป็นสำหรับอิตาลีในการเจรจากับสหภาพยุโรป (EU) และเพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการลงโทษของ EU สำหรับการละเมิดยอดขาดดุล อันเนื่องมาจากภาวะหนี้สินที่ระดับสูง ให้ราคาทองคำในช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงของการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้อปรับฐาน หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณ 1,381 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,398-1,405 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังเน้นกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นและทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาทองคำ

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับได้ ในระยะสั้นราคาทองคำอาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,398-1,405 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับแรกไว้ที่ 1,381 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนซื้อขายในระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะกลางคงต้องรอการย่อตัวและการตั้งฐานของราคาทองคำแล้วจึงเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติม

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,381 (20,050บาท) 1,374 (19,950บาท) 1,363 (19,750บาท)

แนวต้าน 1,405 (20,400บาท) 1,413 (20,550บาท) 1,425 (20,700บาท)

GOLD FUTURES (GFQ19)

แนวรับ 1,381 (20,220บาท) 1,374 (20,120บาท) 1,363 (19,960บาท)

แนวต้าน 1,405 (20,570บาท) 1,413 (20,690บาท) 1,425 (20,870บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร. 02-687-9999