ปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือปัญหาขยะพลาสติกล้นโลกกำลังสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ว นั่นเพราะเราทุกคนตระหนักดีกว่าชีวิตไม่อาจดำรงอยูได้หากปราศจากสภาพแวดล้อมที่ดีสะอาดและสมบูรณ์ ผู้คนจึงหันมาใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และด้วยความสนใจนี้เองทำให้บริษัทต่างๆ ต้องให้ความใส่ใจกับการดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วยเช่นกัน บริษัทต่างๆ ต้องปรับตัวตามความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับนโยบายสีเขียวขององค์กร นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ แบรนด์ทั่วโลกจึงหันมาสู่การสร้าง 'กลยุทธ์กรีน' กันมากขึ้น เราลองมาดูสิว่ามีแบรนด์ไหนกันบ้างที่บิ๊กมูฟในเรื่องนี้
อาดิดาส (adidas)
(อาดิดาส รุ่น FUTURECRAFT.LOOP ภาพจาก news.adidas.com)
อาดิดาส ผู้นำเทรนด์สปอร์ตแฟชั่นระดับโลก ที่สร้างความฮือฮาในวงการแฟชั่นและกลุ่มอนุรักษ์ด้วยการเปิดตัวโปรเจ็คต์ Adidas X Parley Ocean Plastic ออกมาเป็นรองเท้า UltraBOOSt Uncaged Parley สนีกเกอร์ที่วัสดุทำจากการรีไซเคิลขวดพลาสติกชายฝั่งทะเล ซึ่งมีเพียง 7,000 คู่เท่านั้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค อาดิดาส จึงประกาศอย่างยิ่งใหญ่ว่า บริษัทจะเปลี่ยนมาใช้พลาสติกรีไซเคิลทั้งหมดภายในปี 2567 นอกจากนี้ จะหยุดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ในสำนักงาน เอาท์เล็ท โกดังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งจะช่วยลดปริมาณพลาสติกลงได้ถึง 40 ตันต่อปี ซึ่งจะเริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ปี 2561
และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังมีการเปิดตัวรองเท้ารุ่น FUTURECRAFT.LOOP ที่ถูกนิยามว่าเป็น รองเท้าวิ่งที่สามารถรีไซเคิลได้สมบูรณ์ 100% การผลิตรองเท้ารุ่นนี้มีกระบวนการการออกแบบโดยใช้เส้นด้ายและเส้นใยที่มาจากขยะพลาสติกที่เก็บได้จากท้องทะเล ที่สำคัญคือ รองเท้ารุ่นนี้เมื่อใช้งานไปแล้วเกิดการผุพังก็สามารถส่งกลับมาที่โรงงานแล้วทำการรียูส รีไซเคิล เพื่อผลิตเป็นรองเท้าคู่ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น สิ่งที่ adidas ทำคือการไม่สร้างขยะเพิ่มขึ้นอีก เป็นบทพิสูจน์ว่า adidas สามารถผลิตรองเท้าวิ่งที่มีประสิทธิภาพได้โดยที่สร้างจากขยะแต่ไม่ทำให้กลายเป็นขยะให้กับโลกเลย
สตาร์บัคส์ (Starbucks)
(starbucks reusable cup ภาพจาก www.starbucks.com.sg )
ปริมาณการใช้แก้วกระดาษและแก้วพลาสติกแบบ Single Use หรือใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง มีจำนวนการใช้งานทั่วโลกมากกว่า 6 แสนล้านใบต่อปี ซึ่งในจำนวนนี้เป็นแก้วที่มาจาก "สตาร์บัคส์" อยู่ราว 1% ดังนั้น เพื่อแสดงว่าเป็นแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ สตาร์บัคส์จึงตัดสินใจใช้แก้ว Reusable Cup ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยได้รับการตอบรับอย่างดี ทำยอดจำหน่ายได้มากกว่า 25 ล้านใบทั่วโลก นอกจากนี้ ล่าสุด ยังประกาศเป้าหมายยกเลิกการใช้หลอดพลาสติกในร้านสตาร์บัคส์กว่า 30,000 สาขาทั่วโลกในปีหน้า รวมทั้งจะใช้ฝาครอบแก้วที่มีช่องเล็กๆ ซึ่งทำจากพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งผู้บริโภคสามารถยกดื่มได้เลยโดยไม่ต้องใช้หลอด รวมทั้งจะมีการนำหลอดกระดาษหรือหลอดพลาสติกที่ย่อยสลายได้มาใช้แทนด้วย
สำหรับเมืองไทยนั้น เมื่อวันคุ้มครองโลก 22 เมษายนที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ไทยก็ร่วมรณรงค์ให้คนหันมาพกแก้วส่วนตัวเพื่อลดปริมาณขยะ พร้อมกับวางจำหน่ายแก้ว Reusable Cup ทุกสาขาทั่วไทย โดยเป็นคอลเลคชั่นพิเศษที่ผลิตจากพอลิโพรไพลีนวัสดุที่ทำให้แข็งแรงกว่าแก้วกระดาษทั่วไป
ซัมซุง (Samsung)
(ภาพจาก news.samsung.com)
ซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ ประกาศเดินหน้านโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปีนี้ (2019) โดยหันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กระดาษ หรือวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์แทนการใช้พลาสติก ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 นี้ ซัมซุงจะเริ่มใช้วัสดุดังกล่าวในการผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ตั้งแต่ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ไปจนถึงกล่องบรรจุภัณฑ์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
สำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์สวมใส่ ซัมซุงจะแทนที่บล็อกถาดพลาสติกที่รองรับตัวเครื่องด้วยผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษขึ้นรูป และเปลี่ยนพลาสติกอื่นๆ ที่ห่ออุปกรณ์ในกล่องเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งปรับดีไซน์สายและแท่นชาร์จจากเดิมที่ด้านนอกเป็นพลาสติกแบบเคลือบเงา ให้เป็นดีไซน์เนื้อผิวด้าน พร้อมยกเลิกการใช้ฟิล์มติดรอบตัวเครื่องเพื่อลดการใช้จำนวนพลาสติก ส่วนถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่ใช้บรรจุอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว จะถูกแทนที่ด้วยวัสดุจากขยะพลาสติกรีไซเคิล และพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) ซึ่งผลิตขึ้นจากวัสดุจากธรรมชาติ ปราศจากเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างแป้งและอ้อย สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ ซัมซุง ยังวางแผนที่จะนำกระดาษที่ผ่านการรับรองจากองค์การด้านป่าไม้ มาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ภายในปี 2020 และตั้งเป้าที่จะนำพลาสติกกว่า 500,000 ตัน รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ถูกทิ้งเป็นขยะกว่า 7.5 ล้านตัน ตั้งแต่ปี 2009 มารีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ให้ได้ภายในปี 2030
อิเกีย (IKEA)
(บานตู้ครัว คุงส์บัคก้า ภาพจาก www.ikea.com/th)
อีกหนึ่งแบรนด์ระดับโลกที่เห็นความสำคัญของการรีไซเคิลและนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ โดยมีการนำขวดพลาสติกน้ำดื่ม หรือที่เรียกว่าขวด PET นำมาทำเป็นบานตู้ครัว ทั้งนี้ อีเกีย พบว่าในหนึ่งปีทั่วโลกมีการใช้ขวดพลาสติก PET กว่าหนึ่งแสนล้านขวดทั่วโลก แต่มีเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่ขวดเหล่านั้นถูกนำมารีไซเคิล ทว่าที่เหลือกลายเป็นขยะ ไม่ก็ถูกทิ้งลงทะเลหรือนำไปฝังกลบ ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อยสลายยากและจะกลายเป็นมลพิษในอนาคต ดังนั้น อิเกียจึงมีแนวคิดที่จะนำขวดพลาสติกกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จนในที่สุดก็ได้ออกมาเป็น KUNGSBACKA/คุงส์บัคก้า ซึ่งเป็นบานตู้ครัวที่นำเอาขวด PET กลับมาใช้ใหม่ทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นอีกด้วย มากไปกว่าการเป็นผลิตภัณฑ์รีไซเคิล แต่มันยังสวยงามและทนทานมากอีกด้วย
และนอกเหนือจากการนำขวดพลาสติกไปทำเป็นบานตู้ครัวแล้ว อิเกีย ยังนำพลาสติกจากขวด PET ไปใส่เป็นไส้ในของผ้านวม GLANSVICE (กลันส์วีเด) หนึ่งในผ้านวมที่ขายดีในยุโรปอีกด้วย นอกจากนี้ วัสดุตกแต่งบ้านรวมถึงบรรจุภัณฑ์ของ อิเกีย หลายชนิดผลิตจากวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือเป็นวัสดุที่ผ่านการรีรีไซเคิลแล้วกว่า 98% เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ระดับโลกที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากทีเดียว
ฌานา (Charna)
ขอกล่าวถึงบริษัทในไทยกันบ้าง นอกเหนือจากห้างค้าปลีกแล้วก็มีอีกหลายบริษัทในไทยที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม ดังเช่น "ฌานา" หนึ่งในร้านอาหารไทยที่ผลักดันเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มแข็ง "ฌานา" ร้านอาหารเพื่อสุขภาพในเครือ บริษัท ฟู้ด แพชชั่น จำกัด หนึ่งในร้านอาหารพี่น้องกับบาร์บีคิวพลาซ่า ตั้งขึ้นบนแนวคิด Full Flavor Healthy Meal คือร้านอาหารที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพที่ต้องการความอร่อยแบบครบรสชาติในทุกๆ มื้ออาหาร
แต่ที่สำคัญ "ฌานา" ยังมีแนวคิดที่จะชวนทุกคนมาร่วมกันดูแลโลกทะนุถนอมโลกให้สามรถส่งต่อสู่คนรุ่นต่อไปได้ โดยมองว่าทุกวันนี้เราอาจจะสร้างขยะโดยที่ไม่รู้ตัว เพิ่มมลพิษให้กับโลกในปริมาณมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก กล่องโฟม หรือขวดน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาขยะพลาสติกมากมาย ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำเพื่อโลกใบนี้กันบ้าง ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันแบบง่ายๆ โดยการลดละการใช้โฟมหรือถุงพลาสติก แล้วหันมาใช้ภาชนะซ้ำในการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม จนเกิดเป็นที่มาของ แคมเปญ #CharnaChange
และเพื่อกระตุ้นให้คนเกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมและลงมือทำจริง ฌานา จึงได้จัดทำชุดบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยในการไม่สร้างขยะหรือมลพิษเพิ่มเติม ได้แก่ "Charna Change Set" ซึ่งประกอบไปด้วย กล่องข้าวสองชั้นทำจากฟางข้าวสาลีบรรจุช้อนส้อมตะเกียบมาให้แบบครบเซ็ท แถมยังนำเข้าไมโครเวฟได้ด้วย และยังมีขวดน้ำ Flip Bottle ที่เปิดได้สองด้านใช้ได้ทั้งแบบขวดและแบบแก้วน้ำ มาพร้อมกับถุงเก็บอุณหภูมิร้อนเย็นใส่ได้ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ท้ายที่สุดเพื่อให้แนวคิดแคมเปญเกิดการผลักดันที่แท้จริง ทางร้านจึงจัดโปรโมชั่นพิเศษให้เกิดการกลับมาใช้ซ้ำ โดยถ้านำกล่องข้าวหรือขวดน้ำมาซื้ออาหารและน้ำที่ร้านก็จะได้ส่วนลดค่าอาหาร 10 บาท ถ้าเป็นน้ำก็จะได้ส่วนลด 5 บาทไปเลย นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันอื่นๆ อีกมากที่สนับสนุนผู้บริโภคที่มีแนวทางการอนุรักษ์เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนไปด้วยกัน สามารถติดตามได้จาก Facebook Charna Restaurant
อินทนิล (Inthanin)
(ภาพจาก inthanincoffee.com )
ร้านกาแฟอินทนิล หนึ่งในแบรนด์ไทยที่เห็นความสำคัญถึงปัญหาขยะพลาสติกเช่นกัน ได้ชักชวนลูกค้าให้มาร่วมกันลดการใช้พลาสติกให้น้อยลง ออกมาเป็นแคมเปญ "ฝาใหม่ ไม่หลอด" โดยตัดสินใจพัฒนาฝาแบบใหม่ให้เน้นการยกดื่มได้ เริ่มไปตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยลดการใช้หลอดพลาสติกได้กว่า 25 ล้านหลอด ภายในสิ้นปี 2562
นอกจากนี้ ก็จะมีการปรับแก้วร้อนแบบนำกลับมาเป็นแบบแก้วกระดาษเคลือบพลาสติกที่ย่อยสลายได้ (Bio PBS) เพื่อลดปริมาณพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยเครื่องดื่มทุกแก้วจะเสิร์ฟด้วยไบโอคัพที่ผลิตจากพืชธรรมชาติ 100% สามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติภายใน 180 วัน พร้อมกับจัดแคมเปญให้ลูกค้านำแก้วมาใช้เองด้วยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดการใช้แก้วพลาสติก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า
สุดท้ายการทำธุรกิจในปัจจุบันไม่อาจเพิกเฉยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ หลายบริษัททั่วโลกจึงเริ่มดำเนินนโยบายธุรกิจสีเขียวกันมากขึ้นอย่างที่เราเห็น เพราะการทำธุรกิจจะต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ไม่เห็นแก่ผลกำไรของตนเองมากจนเกินไป เพราะเมื่อสังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีผู้บริโภคมีความสุขกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ในที่สุดก็จะกลับมาจับจ่ายบริโภคสินค้าและบริการต่างๆ สร้างผลกำไรให้กับภาคธุรกิจต่อไป เกิดเป็นโลกที่น่าอยู่และยั่งยืนในอนาคต.
DDD รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว "Green Culture 2568 ระดับที่ 4" จากกระทรวงอุตสาหกรรม ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ธุรกิจสีเขียว
DDD รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว "Green Culture 2568 ระดับที่ 4" จากกระทรวงอุตสาหกรรม ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ธุรกิจสีเขียว
ธนาคารกรุงเทพ ประกาศความสำเร็จหลักสูตร "Green Transition Academy รุ่น 1" ปั้นผู้นำธุรกิจสีเขียว พร้อมแผนเปลี่ยนผ่านองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม
SME D Bank ร่วมประชุมรับนโยบาย 'รมว.อุตสาหกรรม-รมช.อุตสาหกรรม' สนับสนุนเอสเอ็มอียกระดับสู่ธุรกิจสีเขียว ผลักดันตอบโจทย์เทรนด์อนาคต เติบโตยั่งยืน
เปิดรับสมัครแล้ว! PIM International Hackathon #5 ชิงทุนการศึกษากว่า 200,000 บาท ชวนนักเรียน-นักศึกษา ร่วมออกแบบโมเดลธุรกิจสีเขียวฉบับคนรุ่นใหม่! ตอบโจทย์โลกที่ยั่งยืน
NIA ร่วมกับ ซีพี ซีดดิ้ง โซเชียลอิมแพคท์ ผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
สสว. ร่วมกับ มศก. และ สจล. แถลงข่าวความสำเร็จ MSME ไทย สู่ธุรกิจสีเขียว
SME D Bank เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ดันบริการ "พัฒนาคู่เติมทุน" หนุนเอสเอ็มอีใช้เทคโนโลยีปรับตัวสู่ธุรกิจสีเขียว
PSP ลงทุน 220.5 ล้านบาท ถือหุ้น RE เพิ่ม จาก 65% เป็น 100% เสริมแกร่งธุรกิจสีเขียว ดันไทยขึ้นแท่นฮับรีไซเคิลสารเคมีแห่งอาเซียน