KS-Jefferies มั่นใจสภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ถดถอย ยันเศรษฐกิจไทยยังไปต่อจากตัวเลขการบริโภคที่ดีขึ้น เชื่อศักยภาพตลาดหุ้นไทยเป็นรองแค่อินโดฯ แนะลงทุนหุ้นกลุ่มพาณิชย์ได้ประโยชน์สูงสุดหลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่และหุ้นกลุ่มแนวโน้มการดำเนินงานดี

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           บมจ. หลักทรัพย์กสิกรไทยและJefferies เผยเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวแต่ความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจจะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้ายังไม่สูงมาก โดยเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% และจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหากเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยจริง
          ส่วนประเด็นข้อพิพาททางการค้าคาดว่าสหรัฐฯและจีนน่าจะบรรลุข้อตกลงได้เพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและการเติบโต GDP ทั้งสองประเทศจะยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม ได้แก่ 6%-6.5% สำหรับประเทศจีนและ 2.0-2.5% สำหรับสหรัฐฯ อีกทั้งการเติบโตค่าแรงในสหรัฐฯยังอยู่ในระดับสูงที่ 3.4% เทียบค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 3% ซึ่งถือว่าการเติบโตค่าแรงในระดับนี้ยังไม่มีผลที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด กล่าวโดย Mr. Sean Darby - Global Head of Equity Strategy จาก Jefferies & Co Inc. ในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี "KS Investment Outlook - Thailand's Disinflationary Boom Still Playing Out" เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยและแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งจัดโดยหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เร็วๆนี้
          นอกจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อตามที่กล่าวข้างต้น Mr. Sean Darby ยังระบุอีกว่าพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทน (Search for yield) ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก โดยมองว่าหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible bond) จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีในปี 2562 เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านราคาต่ำกว่าหุ้นทุน และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีหากตลาดทุนมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากหุ้นกู้แปลงสภาพในประเทศไทยไม่เป็นที่แพร่หลายนัก มองว่ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ (REIT) มีลักษณะคล้ายกับหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยมีความเสี่ยงต่ำ มีความแน่นอนสูงในกระแสเงินสด รวมทั้งยังมีผลตอบแทนแบบหุ้นทุนอีกด้วย
          สำหรับมุมมองของ Mr. Sean Darby ต่อตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มองประเทศอินโดนีเซียมีศักยภาพสูงสุด รองลงมาคือประเทศไทย ส่วนฟิลิปปินส์มีศักยภาพต่ำสุด โดยมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องของอินโดนีเซียในปีที่แล้ว ได้ช่วยลดความเสี่ยงเชิงระบบลงอย่างมากและอาจจะมีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกกับตลาดอินโดนีเซีย
          สำหรับตลาดหลักทรัพย์ไทย จุดเด่นคือความแข็งแกร่งงบการเงินโดยประมาณ 35% ของบริษัทจดทะเบียนที่ไม่มีการกู้ยืมและครึ่งหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนมีค่าความแข็งแกร่งในเชิงเครดิต (Altman Z-score) ที่ดีมาก สำหรับฟิลิปปินส์นั้น มองว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจและการให้สินเชื่อที่ผ่านมามีความร้อนแรงเกินไป ทำให้ประเทศฟิลิปปินส์ในปัจจุบันมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
          ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มหาชน ระบุยังคงมุมมองเศรษฐกิจไทยยังคงมีการเติบโตในระดับปานกลางที่ 3.8% และ 4.0% ในปี 2562-63 แม้ว่าเราได้ปรับลดประมาณการการส่งออกและการใช้จ่ายของภาครัฐ แต่จะได้รับการชดเชยจากการบริโภคที่ปรับดีขึ้น ตามทิศทางของรายได้เกษตรกรที่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
          ในส่วนทิศทางนโยบายการเงินของไทย เชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินกำลังให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินเป็นหลัก ตามด้วยการเติบโตและอัตราเงินเฟ้อ และ กนง. จะพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (Policy Space) เมื่อภาวะเศรษฐกิจเอื้ออำนวย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 4/2562 ทั้งนี้ ด้วยท่าทีที่ต่างกันระหว่าง Fed และ ธปท. จึงเชื่อว่าแรงกดดันการแข็งค่าของเงินบาทน่าจะยังมีอยู่
          นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มหาชน ระบุเป้าหมายดัชนี SET Index ในปีนี้ยังอยู่ที่ 1,750 จุด คาดการณ์กำไรของตลาดหุ้น (Market EPS) อยู่ที่ 12.8% โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราเติบโตของกำไรสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 23.7% กลุ่มสื่อสาร 20.3% และกลุ่มพลังงาน 13.6% โดยในส่วนของกลุ่มสื่อสารมาจากแนวโน้มการแข่งขันด้านราคาที่ลดลงเพื่อสะสมกำไรไว้ลงทุนระบบ 5G ส่วนกลุ่มพลังงานนั้นมาจาก ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากอุปทานน้ำมันที่เริ่มหายไปจากมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันของ OPEC
          ทั้งนี้มองกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นที่จะได้อานิสงค์จากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่หรือมีแนวโน้มการดำเนินงานที่ดี ดังนี้
          - กลุ่มพาณิชย์/ Commerce (CPALL ราคาเป้าหมาย 82 บาท /BJC ราคาเป้าหมาย 60 บาท) ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้น ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจากรัฐบาล รวมทั้งโอกาสที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดหลังการเลือกตั้งทั่วไปปี 2019และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
          - กลุ่มปิโตรเคมี/Petrochemicals (SCC ราคาเป้าหมาย 528 บาท) เนื่องจากภาพรวมธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมีทิศทางที่ดีขึ้น ต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มลดลง และภาพรวมกำไรที่แข็งแกร่งจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีแรงหนุนมาจากกระแส e-commerce ด้วยสถานะผู้ผลิตชั้นนำของ SCC ด้านบรรจุภัณฑ์ในตลาดอาเซียน
          - กลุ่มรับเหมาโยธา/Contractor (STEC ราคาเป้าหมาย 30.10 บาท) โดยคงมุมมองเป็นบวกจาก 1) จำนวนงานในอนาคตที่แข็งแกร่ง 2) backlog ในมือที่อยู่ในระดับสูง และ 3) ราคาเหล็กที่ลดลง
          - กลุ่มโรงไฟฟ้าดั้งเดิม/Conventional Power (BGRIM ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท) มีปัจจัยบวกจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง (ทั้งก๊าซและถ่านหิน) และค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทและการขยายตัวของกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
         
KS-Jefferies มั่นใจสภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ถดถอย ยันเศรษฐกิจไทยยังไปต่อจากตัวเลขการบริโภคที่ดีขึ้น เชื่อศักยภาพตลาดหุ้นไทยเป็นรองแค่อินโดฯ แนะลงทุนหุ้นกลุ่มพาณิชย์ได้ประโยชน์สูงสุดหลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่และหุ้นกลุ่มแนวโน้มการดำเนินงานดี

ข่าวหลักทรัพย์กสิกรไทย+ธนาคารกลางสหรัฐวันนี้

เดอะวิสดอมกสิกรไทย สแกนโอกาสลงทุน 3 ดาวรุ่งแห่งเอเชีย อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม

เดอะวิสดอมกสิกรไทย จัดสัมมนา "THE WISDOM Wealth Decoded: จับตาการกลับมาของเศรษฐกิจเอเชีย ท่ามกลางมรสุมโลก" สแกนเศรษฐกิจ 3 ดาวรุ่งเอเชีย อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนามที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งทั้ง GDP โครงสร้างประชากร และรายได้ต่อหัวประชากรที่สูงขึ้น แนะการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของ FED เป็นโอกาสลงทุนตราสารหนี้โดยเฉพาะตราสารหนี้ฝั่งเอเชีย นายพิชัย ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส บมจ. หลักทรัพย์กสิกรไทย เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศเอเชียที่เป็นดาวรุ่ง น่าจับตามองสำหรับการลงทุนในช่วงนี้คือ อินเดีย อิน

นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง (กลาง) กรรมการผู้จัดกา... ยอดเยี่ยม! กสิกรไทยกวาด 4 รางวัลจาก SET Awards 2022 — นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง (กลาง) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้แทนรับรางวัลยอดเยี่ยมด้านความยั่งย...

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เส... KS เสิร์ฟ DW11 ลงตลาดกับ 13 รุ่นใหม่ เพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาดทั้ง “ขาขึ้น” และ “ขาลง” — บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพัน...

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เส... KS ปล่อย DW11 ลงตลาดกับ 9 รุ่นใหม่ พร้อมแนะนักลงทุนอยู่กับตลาดฯ แต่ปรับลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน — บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เสนอขายใบสำคัญแส...