ลมแดด (Heat Stroke) โรคที่มากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          อุณหภูมิมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นในทุก ๆ ปี จากสถานการณ์ "ภาวะโลกร้อน (Global warming)" โดยประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นถึงกว่า 40◦C ในหลายจังหวัด ความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างหนึ่งซึ่งเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น คือ "โรคลมแดด (Heat Stroke)" ทำให้สามารถเสียชีวิตได้ภายในครึ่งชั่วโมง แต่หากมีการช่วยเหลือบรรเทาอาการได้ทัน ก็สามารถรอดกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้ภายใน 5 นาที นอกจากนั้นยังสามารถป้องกันได้หากรู้จักสัญญาณเตือนจากร่างกายและบรรเทาอาการอย่างถูกวิธี 
          ศ.ดร.นพ.พงศ์เทพ วิวรรธนะเดช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักวิจัยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้อธิบายถึงการเกิดโรคลมแดด (Heat Stroke) ไว้ว่า โดยธรรมชาติมนุษย์จะพยายามรักษาอุณหภูมิให้คงที่ประมาณ 37.2◦C ช่วงที่อุณหภูมิสูงกว่าร่างกายเราโดยเฉพาะในหน้าร้อนซึ่งอาจสูงขึ้นไปถึง 40◦C อุณหภูมิจากภายนอกจะไหลเข้าสู่ร่างกาย ถ้าร่างกายสามารถระบายความร้อนออกได้จะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่หากไม่สามารถระบายได้จะเกิดภาวะ "โรคลมแดด (Heat Stroke)" ทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่ไวต่อความร้อน หากร่างกายได้รับความร้อนส่วนเกินสมองจะตายก่อน และเมื่อสมองตายจะทำให้เกิดการล้มเหลวในการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ และในที่สุดก็จะเสียชีวิตได้
          ตามธรรมชาติมนุษย์จะมีกลไกในการระบายความร้อน คือ การทำให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัวเพื่อระบายความร้อน และการขับเหงื่อออกมา เพราะเวลาเหงื่อระเหยจะดึงความร้อนออกจากร่างกายไปด้วย แต่หากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทันหรือดีพอ จะเริ่มมีสัญญาณเตือนของอาการลมแดดเป็นอาการทางสมอง คือ วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ สับสน คิดอะไรไม่ออก กระหายน้ำ จับตัวแล้วร้อนเหมือนจะเป็นไข้ ไม่ควรรอให้อาการชัดเจนจนถึงขั้นมีอาการทางสมองคือพูดไม่รู้เรื่องและหมดสติ เพราะเมื่อถึงขั้นนั้นมักสายเกินไป
          โดย ศ.ดร.นพ.พงศ์เทพ ได้แนะนำว่า เมื่อเริ่มมีอาการให้รีบเข้าที่เย็น หากมีห้องแอร์อยู่ใกล้ ๆ ให้รีบเปิดแอร์ นำผ้าชุบน้ำเย็นหรือผ้าเย็นมาเช็ดตัว ดื่มน้ำมาก ๆ จนปัสสาวะที่ขับออกมาไม่มีสี (ถ้ายังเป็นสีเหลืองแสดงว่าร่างกายยังได้น้ำไม่เพียงพอ) แต่หากมีอาการเป็นลมแดดเรียบร้อยแล้ว ให้ลดอุณหภูมิอย่างรวดเร็วโดยการราดน้ำเย็นลงบนร่างกาย หรือประคบน้ำแข็งตามซอกคอ รักแร้ และขาหนีบ เพราะเซลล์สมองกำลังตายไปเรื่อย ๆ ถ้าสามารถช่วยได้ทันภายในครึ่งชั่วโมงจากอาการโคม่าไม่รู้สึกตัวจะสามารถฟื้นกลับมาคุยได้ภายใน 5 นาที แต่หากเลยครึ่งชั่วโมงไปแล้วอาจเสียชีวิตหรือพิการ เนื่องจากสมองไม่รับรู้แล้ว
สำหรับเครื่องดื่มที่แนะนำให้ดื่มในช่วงที่อากาศร้อนจัดหรือมีอาการ คือ น้ำเย็น (น้ำจากตู้เย็นหรือน้ำใส่น้ำแข็ง) และเกลือแร่ เนื่องจากขณะเสียเหงื่อเราจะเสียเกลือแร่ไปด้วย เครื่องดื่มที่ไม่ควรดื่ม คือ ชา กาแฟ และน้ำหวาน (น้ำตาล) ซึ่งเป็นตัวขับปัสสาวะ และสิ่งที่ห้ามดื่มเป็นอย่างยิ่งคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นตัวขับปัสสาวะเช่นกัน และยังเพิ่มการเผาผลาญทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นรวมทั้งยังกดสมองอีกด้วย จะพบเห็นได้จากข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหน้าร้อนทำให้เป็นลมแดด (Heat Stroke) นอกจากนั้นการหมั่นเอาผ้าเย็นเช็ดตัวบ่อย ๆ ก็สามารถช่วยป้องกันได้ 
          สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ ศ.ดร.นพ.พงศ์เทพ แนะนำว่าควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติ คือ ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ป่วยนอนติดเตียงหรือช่วยตัวเองไม่ได้ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ตับ ไต และมะเร็ง เพราะร่างกายจะต้องใช้กลไกหลายส่วนในการขับความร้อน แต่ผู้ป่วยโรคเหล่านี้ร่างกายจะไม่ค่อยสมบูรณ์ นอกจากนั้นยาที่ผู้ป่วยโรคเหล่านี้รับประทานบางตัวยังมีผลช่วยให้ขับปัสสาวะ ปิดกั้นการไหลของเหงื่อ หรือทำให้เส้นเลือดไม่ขยายตัว ซึ่งมีผลต่อการกักเก็บน้ำในร่างกายและการระบายความร้อนทั้งสิ้น ซึ่งผู้ดูแลควรศึกษาความรู้ในเรื่องนี้และดูแลอย่างใกล้ชิด อีกกลุ่มเสี่ยงหนึ่งคือผู้ทำงานในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือผู้ทำงานกลางแจ้ง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม เกษตรกร คนงานก่อสร้าง ฯลฯ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ และรีบบรรเทาอาการตนเองทันทีที่มีสัญญาณทางร่างกายเตือน ข้อแนะนำสุดท้ายสำหรับคนทั่ว ๆ ไป คือ ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด พยายามหลีกเลี่ยงอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนหรือกลางแดด ดื่มเย็นน้ำมาก ๆ แม้ไม่มีอาการใดเลยก็ตาม จะเป็นการป้องกันโรคลมแดดได้
ลมแดด (Heat Stroke) โรคที่มากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น
 
ลมแดด (Heat Stroke) โรคที่มากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น
ลมแดด (Heat Stroke) โรคที่มากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น
 
ลมแดด (Heat Stroke) โรคที่มากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น
 
 

ข่าวพงศ์เทพ วิวรรธนะเดช+ภาวะโลกร้อนวันนี้

'เวฟ บีซีจี' ผนึก 'พีทีจี เอ็นเนอยี' พลิกนาข้าวลดภาวะโลกร้อน ร่วมพัฒนาเกษตรกรไทย ส่งเสริมโครงการ "ปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง" บนที่นา 500 ไร่ จ.สุพรรณบุรี

ลดการปล่อยก๊าซมีเทนและต่อยอดเป็นคาร์บอนเครดิต หนุนภาคเกษตรกรรมและองค์กรเติบโตยั่งยืน บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (WAVE BCG) ผู้ให้บริการ Climate Solution ครบวงจร เดินหน้าโครงการ Climate พัฒนา "การปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง" นวัตกรรมการเกษตรยุคใหม่บนที่นากว่า 3,300 ไร่ มุ่งลดการปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจก ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมถึงช่วยเพิ่มผลผลิต นำร่องความร่วมมือกับ 'บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี' เปิดโครงการ "ข้าวยั่งยืน ลดมีเทน ด้วยนาเปียกสลับแห้ง" ผนึกกำลังกลุ่มเกษตรกร จ.สุพรรณบุรี

นักวิจัยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ พ... นักวิจัย จุฬาฯ พัฒนา "ปะการังสู้โลกร้อน" เพื่อทางรอดระบบนิเวศทางทะเล — นักวิจัยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ พัฒนาแนวทางช่วยปะการังให้ปรับตัวรับมือกับภา...

นักวิจัยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ พ... นักวิจัยจุฬาฯ พัฒนา "ปะการังสู้โลกร้อน" เพื่อทางรอดระบบนิเวศทางทะเล — นักวิจัยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ พัฒนาแนวทางช่วยปะการังให้ปรับตัวรับมือกับภาว...

หน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ... มทร.ธัญบุรี เจ๋ง! คิดค้นกระถางรักษ์โลกจากวัสดุชีวมวล สร้างรายได้ ลด PM 2.5 — หน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ห...

เนื่องในโอกาสวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ว... วัตสันร่วมมือกับลูกค้าลดคาร์บอน 4,000 ตัน สู้ภาวะโลกร้อน — เนื่องในโอกาสวันคุ้มครองโลก (Earth Day) วัตสัน แบรนด์สุขภาพและความงามชั้นนำของ เอเอส วัตสัน ประ...

ฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 กลายเป็นอีกหนึ่งมลพิษ... แพทย์ชี้ฝุ่น PM 2.5 เล็กทะลุปอดเข้ากระแสเลือด ส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายจุดทั่วร่าง — ฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 กลายเป็นอีกหนึ่งมลพิษที่อยู่คู่กับคนไทยอย่างยาวนาน...

ภาพข่าว: แม็ค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มอบจักรยานให้นักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการออก พื้นที่รักษาผู้ป่วย

นางสาวสุณี เสรีภาณุ บริษัท แม๊คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มอบรถจักรยาน จำนวน 30 คัน ให้ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสำหรับนักศึกษาแพทย์ปีที่ 4...