จิตแพทย์ ห่วงครอบครัวป้ายแดง ย้ำเตือน!!อย่าใช้“ความเงียบ”แก้ปัญหา ชี้ยิ่งทำให้ความกดดันสะสม พร้อมระเบิด!!

17 Apr 2019
วันที่ 14 เมษายน เป็นวันครอบครัว สถิติล่าสุดปี 2560 ไทยมีคู่รักจดทะเบียนสมรสเป็นครอบครัวใหม่เกือบ 3 แสนคู่ เฉลี่ยวันละ 815 คู่ จิตแพทย์แนะใช้ 2 หลักครองเรือน ถนอมรักยั่งยืน ครอบครัวใหม่เข้มแข็ง ให้ซื่อสัตย์ไว้วางใจกัน ไม่ก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวกัน เปิดใจรับฟังความเห็นต่าง ย้ำเตือนอย่าใช้ความเงียบแก้ปัญหาครอบครัว ชี้ยิ่งส่งผลร้ายทำให้สะสมความกดดันพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ และไม่ใช้ถ้อยคำที่ท้าทายกันด้วยอารมณ์หรือทิฐิ ทำให้ความสัมพันธ์เปราะบาง แตกหักง่าย
จิตแพทย์ ห่วงครอบครัวป้ายแดง ย้ำเตือน!!อย่าใช้“ความเงียบ”แก้ปัญหา ชี้ยิ่งทำให้ความกดดันสะสม พร้อมระเบิด!!

นายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการรพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 14 เมษายนทุกปี เป็นวันครอบครัว ซึ่งครอบครัวนั้นเป็นระบบสังคมที่เล็กที่สุดของมนุษย์ เป็นสถาบันแรกที่มีความสำคัญมากในการพัฒนาคุณภาพประชากรไทยในอนาคต เพื่อให้สังคมไทยเจริญก้าวหน้าประชาชนทุกคนมีความสุข ซึ่งขณะนี้แนวโน้มจำนวนเด็กเกิดใหม่ของไทยลดลงเรื่อยๆ ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขรายงานในปี 2560 มีเด็กเกิดใหม่ทั่วประเทศเฉลี่ยนาทีละ 1.2 คน ลดลงกว่าปี 2556 ที่เกิดเฉลี่ยนาทีละ 1.4 คน และข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รายงานล่าสุดในปี 2560 มีผู้จดทะเบียนสมรสทั่วประเทศ 297,501 คู่ เฉลี่ยวันละ 815 คู่ โดย 3 จังหวัดที่มีสถิติการจดทะเบียนสมรสมากที่สุดในประเทศ อันดับ 1 คือกทม. 45,577 คู่ รองลงมาคือชลบุรี 15,795 คู่ และนครราชสีมา 10,741 คู่

นายแพทย์กิตต์กวี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้คน 2 คนที่มาจากต่างครอบครัว ต่างการเลี้ยงดูกันมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและยืนยาวได้นั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน เรียนรู้ ยอมรับซึ่งกันและกัน และปรับตัวเข้าหากัน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิตคู่ วิธีการที่จะทำให้ครอบครัวมีความมั่นคงและอบอุ่น ไม่มีความขัดแย้งทางความคิดและอารมณ์ มีคำแนะนำให้คู่สมรสใหม่ยึดหลักการครองเรือน 2 ประการ ประการแรกคือ การใช้กฎหลักครอบครัว ได้แก่ 1. ช่วยกันแบ่งเบาภาระในบ้าน ให้รู้หน้าที่ตนเอง 2. บริหารจัดสรรการเงินแต่ละส่วน เช่น เงินออม เงินใช้จ่ายรายวัน ใช้ในยามฉุกเฉิน และกำหนดคนรับผิดชอบ 3. ใส่ใจให้เวลากับครอบครัวดูแลซึ่งกันและกัน 4. ช่วยกันแก้ปัญหา และ5. ห้ามทำร้ายร่างกายกันยามโกรธหรือทะเลาะกันโดยเด็ดขาด

ประการที่ 2 คือการส่งเสริมให้ความรักมีความหวานชื่นและมั่นคง มี 8 ข้อ ได้แก่ 1. ให้ยึดสัญญาใจและทำตามกฎหลักครอบครัว 2. ชื่นชมเมื่อทำดี ใช้คำขอบคุณและขอโทษให้เป็นนิสัย 3. ทำบ้านให้รื่นรมย์ คือทั้งที่พักใจและให้ความอบอุ่น 4. ซื่อสัตย์และไว้วางใจกัน 5. ให้เกียรติและไม่ก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน 6. ไม่ควรคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้ใจเราเสมอไป 7. คิดว่าครอบครัวของเขาคือครอบครัวของเราด้วย และ 8. เปิดใจรับฟังกัน ยอมรับความเห็นต่าง

" เมื่อมีปัญหาครอบครัว วิธีการแก้ที่ไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่ง คือความเงียบ ซึ่งหลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าได้ผลดี แต่ข้อเท็จจริงนั้น วิธีการนี้เปรียบเสมือนเป็นการหนีปัญหา เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไขให้คลี่คลาย ยิ่งจะทำให้ปัญหาเกิดการสะสม เสมือนหมกปัญหาไว้ มีความเก็บกดและกดดันในใจมากขึ้น อาจระเบิดได้ตลอดเวลาเมื่อมีสถานการณ์มากระตุ้น วิธีการที่ดีที่สุด ควรหันหน้าเข้าหากัน แม้จะโกรธหรือใช้อารมณ์โต้เถียงกัน แต่ก็นำไปสู่การแก้ปัญหานั้นๆได้ "นายแพทย์กิตต์กวีกล่าว

นอกจากนี้เรื่องใกล้ตัวที่สุดที่ทุกครอบครัวควรให้ความใส่ใจก็คือการสื่อสารพูดคุยกัน การสื่อสารทางบวกถือว่าเป็นกุญแจสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยา ไม่ควรใช้ถ้อยคำในลักษณะท้าทายกันด้วยอารมณ์หรือทิฐิ ที่ได้ยินได้บ่อยในสังคมไทย เช่น ถ้าแน่จริงก็เก็บของออกไปเลย, พูดแบบนี้ก็เลิกกันไปดีกว่า ,เงียบไปเลย ,ก็เป็นซะแบบนี้ถึงได้ดักดานอยู่แบบนี้,ถ้าฉันแต่งงานกับแฟนเก่า ป่านนี้คงสบายไปแล้ว ,ที่มีปัญหาอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะแกนี่แหละ เป็นต้น รวมทั้งการพูดเชิงดูถูกเหยียดหยามพ่อแม่ญาติพี่น้องอีกฝ่าย คำพูดที่กล่าวมานี้จะเสียดแทงบั่นทอนจิตใจอารมณ์ความรู้สึก จะทำให้ความสัมพันธ์เปราะบางลง แตกหักได้ง่ายขึ้น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการหย่าร้างกัน นายแพทย์กิตต์กวีกล่าว