คุยแซ่บShow อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดมุมมองชีวิตทาสแมว หลังลาออกจากหัวหน้าพรรค

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          เปิดชีวิตใหม่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมือง พร้อมรับบทบาทใหม่ พี่มาร์ค ทาสแมว ที่ทำคนทั้งโซเชียลหลงรัก พร้อมเปิดหัวใจอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทยที่จีบภรรยาด้วยการเขียนจดหมายข้ามประเทศ ผ่านรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร
คุยแซ่บShow อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดมุมมองชีวิตทาสแมว หลังลาออกจากหัวหน้าพรรค
ทราบมาว่าพี่เรียนเก่งตั้งแต่เด็กเลย ?
          มาร์ค : ก็ผลการเรียนดีครับ ตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนก็จะสอบที่ 1ที่ 2 มาตลอด ตอนอยู่ที่นี่นะ แล้วก็เดินทางไปต่างประเทศ 
          บางคนเก่งเพราะชอบอ่านหนังสื่อ บางคนเกิดมาอัจฉริยะ พี่มาร์คอยู่ฝั่งไหน ?
          มาร์ค : มันก็คงต้องผสมผสาน บางวิชามันก็ต้องมีหัว อย่างเช่น คณิตศาสตร์ แต่ว่าการศึกษาไทยก็จะมีท่องเยอะ มันก็เลยจำเป็นต้องอ่าน
ส่วนมากเด็กที่เรียนเก่งมักนั่งแถวหน้า แต่ทราบมาว่าพี่มาร์คนั่งแถวหลังเลย ?
          มาร์ค : นั่งแถวหลังเพราะชื่อเป็น อ.อ่าง มากกว่ามั้ง เค้านั่งเรียงตามตัวอักษร แต่ว่าโดยธรรมาชาติตอนเด็กๆก็จะเป็นเด็กค่อนข้างเงียบ ค่อนข้างจะขี้อาย 
          มีวิชาไหนที่ไม่ชอบเลย เกลียดมากเลยมั้ย ?
          มาร์ค : จริงๆชอบวิชาวิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะว่ามันไม่ต้องอ่านเยอะ ไม่ต้องเขียนเยอะ
          วิทยาศาสตร์ท่องจำเยอะเหมือนกันนะ ?
          มาร์ค : ไม่หรอกครับ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เป็นเรื่องของหลักมากกว่า แต่ว่าหลายวิชาอย่างสังคมถ้าต้องทดสอบความรู้มันก็ต้องอ่าน
          ในการเรียนเคยมีโอกาสสอบหมิ่นเหม่หรือจะสอบตกบ้างมั้ย ?
          มาร์ค : ผมไปอังกฤษ ปี สองปีแรก สอบตกครับ เพราะเราไม่ไหวจริงๆ เราก็ยังไม่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษแล้วก็ต้องไปเรียนวิชาใหม่ๆ วิชาภาษาลาติน ภาษาฝรั่งเศส ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ไม่เหมือนของเราหมดเลย แล้วก็วิชาที่ตกแน่ๆก็คือวิชาเกี่ยวกับศาสนา ถึงเวลาสอบก็ต้องสอบ ส่งกระดาษเปล่ากันเลย ตอนเรายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย (ตอนนั้นพี่ไปกี่ขวบ ?) ผมไปตอน 11 ขวบ
          ไปตอน 11 ขวบ พี่พีเครู้มั้ยว่าเพื่อนสนิทของพี่มาร์คคือใคร นายกอังกฤษคนใหม่ บอริส จอห์นสัน เห็นภาพในเฟสบุ๊คด้วย พี่คิดมั้ยคนนึงเป็นอดีตนายกเมืองไทย อีกคนจะเป็นนายกอังกฤษ ?
          มาร์ค : ผมไม่รู้เค้าคิดรึเปล่า แต่บอริสเค้าเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้ว เพื่อนๆชื่นชอบ เค้าก็เป็นหัวหน้านักเรียนค่อนข้างที่จะโดดเด่น ผมก็รู้จักกับเค้าน่าจะตั้งแต่ไฮสคูล ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เคมบริดจ์ จะประมาณ พย-ธค พอสอบเสร็จแล้ว กว่าจะไปเข้าเรียนจะเป็น กย – ตค มีเวลาว่างอยู่ 9-10 เดือนเค้าก็ไปออสเตรเลียอาจจะไปเที่ยวด้วย สอนหนังสือเด็กด้วย เค้าก็แวะเมืองไทยมาพักบ้านผมอยู่สองอาทิตย์ แล้วก็กลับออกซ์ฟอร์ด แต่ตอนกลับไปก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เค้าจะอยู่กับเด็กที่เล่นการเมืองพรรคอนุรักษ์นิยม ผมจะอยู่กันคนละฝ่าย เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ในหน้าที่การงานผมเคยเจอเค้าตอนเป็นายกเทศบาลลอนดอน ซัก 2 ปีที่แล้วเค้าตอนเค้าเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเค้าก็มาที่ไทยก็นัดเจอกัน เราก็แซวเค้าว่าจะเป็นนายกหรือเปล่า เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวได้เป็นละ เพราะเค้าช้ากว่าผมไป 10 ปีลพ เค้าก็ได้เป็นจริงๆ
          มีคนเล่าให้ฟังว่าพี่มีความชอบเรื่องการเมืองและตั้งใจว่าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เด็กๆเลย ?
          มาร์ค : คือเราอยากทำงานการเมือง เราก็ไม่รู้หรอกว่าทำจริงแล้วทำได้มั้ย แต่ตั้งใจจะทำงานการเมืองตั้งแต่เด็กจริงๆ ตัดสินใจเรื่องการเรียนก็คิดถึงว่ากลับมาอยากจะทำงานการเมือง กลับมาก็เป็นอาจารย์อยู่ ปี 2 ปี ตอนเข้าไปสมัครเป็นอาจารย์ก็บอกเค้าว่ามีเลือกตั้งเมื่อไหร่ ผมลาออกไปสมัตร ส.ส. นะ 
          ล่าสุดทุกคนทราบดีว่าพี่มาร์คลาออกจากการเป็น ส.ส. และ ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เหตุผลลึกๆที่ตัดสินใจลาออกคือ ? 
          มาร์ค : ไม่มีอะไรลึกลับเลย ทุกอย่างเปิดเผย แถลงตรงไปตรงมา จากหัวหน้าพรรคนี่ง่ายมาก เราไม่สามารถประสบความสำเร็จในการนำพาองค์กรไปได้ แล้วผมก็ประกาศชัดตอนเลือกตั้งว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส ไม่ถึง 100 คน ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมก็ต้องรับผิดชอบ คืนวันที่ 24 มีนา เห็นชัดอยู่แล้วว่าไม่ถึง ผมก็ลงมาแถลงข่าวลาออกเลย ประการที่สองที่ออกจาก ส.ส. ก็ชัดเจนอีกเช่นกัน ว่าเมื่อพรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาล ผมก็ผิดคำพูดกับประชาชนไม่ได้ ผมก็ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องออกจาก ส.ส.
24 แถลง ตื่นเช้าวันที่ 25 ชีวิตเปลี่ยนยังไง ?
          มาร์ค : ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ จริงๆผมก็ตกงานตั้งแต่ปฎิวัติแล้ว ไม่ต้องไปประชุมแล้ว ผมก็อยากจะพัก ทำการเมืองมาตั้งแต่อายุ 27 ถึงตอนนี้ 27-28 ปี ก็ไม่ได้หยุดเพราะงานการเมืองมันไม่ได้หยุดอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสพักผ่อน
นอกจากเลี้ยงแมวแล้ว อย่างอื่นทำอะไรอีก ?
          มาร์ค : ก็มีงานค้างอยู่บ้าง เช่นรับงานบรรยาย มีงานสังคมที่เรายังต้องไปอยู่ ถ้าอยู่บ้านก็อ่านหนังสือ ติดตามข่าว ฟังเพลง
          เมื่อก่อนทำงานเพื่อสังคม เดี๋ยวนี้ทำงานเพื่อแมว ? มีแฮชแท็กพี่มาร์คทาสแมว ?
          มาร์ค : ที่จริงมันไม่ใช่ทาสแมวนะ มันเป็นทาสของทาสแมว เริ่มจากลูกสาวผมเค้าเลี้ยงแมวอยู่สองตัว ซื้อมาอีกตัวเป็นสามตัว ผมนี่เฉยๆ ไม่ได้ชอบแมว แต่เค้ามีบ้านแยกอยู่นะ พอเค้าไปเรียนต่างประเทศเค้าก็ฝากให้ช่วยดู ระหว่างที่เค้าไปเรียนมันก็ออกลูก ออกหลานมาเป็น 26 ตัว พันธ์สก๊อตติช โฟลด์ ที่มารับดูแลแมวเพราะลูกสั่ง เลยเป็นทาสของทาสแมวอีกที
แมว 26 ตัว ตอนนี้ได้แฮชแท็กทาสแมว พี่คุยอะไรกับเค้ามั่ง ?
          มาร์ค : ไม่ถึงกับคุยหรอก ก็เล่นกับเค้า ส่วนใหญ่เล่นก็ให้ขนมให้อาหาร แต่ละตัวจะนิสัยไม่เหมือนกัน บางตัวเค้าก็มาหาเรา แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันเรื่องอาหาร เรื่องที่
          มีวิธีในการหาความสุขให้กับตัวเองยังไงบ้าง ?
          มาร์ค : อยู่กับครอบครัว ได้พักผ่อนก็มีความสุขแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเพิ่งพาครอบครัวไปเที่ยวบาหลี ไม่ได้เที่ยวต่างปะรเทศด้วยกันนานแล้ว
          นอกจากเป็นเด็กฉลาดแล้ว เป็นผู้ชายโรแมนติกด้วยมั้ย ?
          มาร์ค : ต้องถามภรรยาผม แต่ผมเป็นคนมีความสุขกับการอยู่กับครอบครัว อยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก มียุคนึงที่เค้าบอกว่าต้องใช้เวลาอย่างมีคุณภาพอยู่กับครอบครัว คนนึงจะเล่นเกมส์ จะอ่านหนังสือ มีอะไรก็ตะโกนคุยกัน ผมพูดมาตลอดว่าชีวิตที่ผมอยากจะใช้คือผมทำงานที่ผมชอบแล้วผมก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น
          พูดไม่หวาน แต่เทศกาลก็จะส่งดอกไม้ให้ภรรยา แต่ทำไมถึงไม่เอาช่อดอกไม้นั้นไปมอบให้กับภรรยาเอง ? 
          มาร์ค : มอบให้ครับ วันสำคัญๆ อย่างวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน เราจะออกไปซื้อเองก็ไม่ได้ เราจะไปซื้อมาเก็บมาซ่อนก่อนก็ไม่ได้ เราก็ต้องโทรไปสั่ง แล้วก็บอกให้เค้ามาเช้าที่สุด เราอยากจะให้เค้าก่อนไปทำงาน
          สมัยก่อนพี่ฮอตมาก ?
          มาร์ค : ไม่หรอก อย่างที่บอกว่าแต่ก่อนผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ใช่คนเที่ยวอะไรมากมาย คนส่วนใหญ่มองว่าจริงจัง เพื่อนๆแซวว่าจะมีชีวิตวัยรุ่นอย่างเค้ามั่งมั้ย ผมเริ่มเข้ามาช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ชอบติดตามศึกษางานไปดูการปราศรัย ตั้งแต่เด็กๆไปนั่งฟังอยู่ในสภา 
          เห็นว่าเคยมีนักศึกษาเอาการ์ดวาเลนไทน์มาให้พี่มาร์คด้วย ?
          มาร์ค : ก็รับมา แต่ไม่รู้ว่าใคร 
          แล้วพี่เอาการ์ดนั้นไปให้ภรรยา ?
          มาร์ค : นโยบายโปร่งใสครับ
          พี่มาร์คมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับสามีภรรยาเรื่องการซื่อสัตย์ ความไว้วางใจ ในเรื่องของการใช้ชีวิต ? 
          มาร์ค : คนสองคนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมันก็ต้องมีความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน
          เคยติดงานเยอะมาก แล้วภรรยาแล้วลูกว่ายังไง ? 
          มาร์ค : เค้ารู้ตั้งแต่เป็นแฟนกันแล้วว่าผมจะทำงานการเมือง พ่อเค้าก็เคยลงสมัคร ส.ส ลูกผมคนแรกเกิดมาผมก็เป็นนักการเมืองแล้ว ผมก็พยายามแบ่งเวลา บริหารเวลา เวลาว่างก็อยู่กับครอบครัว
          สำหรับพี่มาร์คการเติมเต็มความรักให้กับครอบครัวรูปแบบของพี่ทำยังไง ?
          มาร์ค : ความรักเกิดจากตัวเราเอง คนมีความรักมันก็ต้องมีความห่วงใยกัน ใส่ใจกัน ให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน
บางทีก็ยากในมุมของผู้บริหารประเทศด้วย เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย ? 
          มาร์ค : ผมว่ายากทุกอาชีพ ครอบครัวเดี๋ยวนี้ทั้งสองคนต้องทำงาน อาจไม่เหมือนสมัยก่อนๆโน้น คนนึงอยู่บ้าน คนนึงทำงาน ต่างคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบ มันคงยากขึ้นในการจัดการ แต่เรื่องการบริหารเวลามันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องจิตใจที่มีให้กัน
          ถ้าภรรยาดูอยู่อยากจะบอกอะไร ?
          มาร์ค : รู้นะว่าดูอยู่
          ถามเรื่องคู่จิ้นกับหลานน้องไอติม ? 
          มาร์ค : จริงๆก็หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ด้วยกัน เพราะเค้าก็ตัดสินใจเข้ามาสู่การเมืองก็ไม่ได้มาเกี่ยวอะไรกับผม เข้ามาที่พรรคก็มีคนบอกว่าหน้าตาก็คล้ายๆกัน วิธีการพูดจาก็คล้ายกัน เค้าก็กังวลเพราะเค้าก็อยากเป็นตัวของตัวเอง เพราะเค้าก็คิดว่าไม่ได้จะมาทำอะไรเหมือนผม ในที่สุดก็ต้องไปหาเสียงด้วยกันบ้าง
          มีการแนะนำอะไรบ้างมั้ย ?
          มาร์ค : ไม่มีเลยครับ เค้าเก่งกว่านะ เรียนหนังสือก็เก่งกว่าผม เรียนรู้อะไรเร็วมาก เค้าอาจจะไม่เคยทราบที่มาที่ไปเรื่องนั้น เรื่องนี้เค้าก็จะถามผม เป็นมายังไง ผมคิดยังไง เค้าก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง
          พี่มาร์คคิดว่าระหว่างพี่มาร์คกับน้องไอติมในวัยรุ่นเดียวกันใครหล่อกว่ากัน ?
          มาร์ค : ผมก็จะตอบอย่างนักการเมืองว่า ให้ประชาชนตัดสิน 
          เคยรู้สึกมั้ยว่า หลานตั้งแต่เด็กจนโตเค้าแอบมองเราอยู่ ?
          มาร์ค : ไม่เลยครับ เจอเค้าตอนเล็กๆ พอเค้าไปเรียนต่างประเทศก็แทบไม่เจอเค้าเลย เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเรียนโรงเรียนเดียวกัน เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน วิชาเดียวกัน มีช่วงเค้ากลับมาเค้ามาของฝึกงานที่พรรค แต่ก็ยังไม่ทราบนะว่าเค้าจะเข้าการเมืองมั้ย จนปีที่แล้วเค้าก็บอกว่าจะสมัคร ส.ส. 
          ภูมิใจมั้ยหลานมาเส้นเดียวกับเราเลย?
          มาร์ค : ก็ดีใจนะ เป็นหลานแหละ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจสูง
          อีก 10 ปีข้างหน้าอยากเห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน ?
          มาร์ค : สำหรับผม 10 ปี อาจดูเหมือนนาน แต่ไม่นาน ในแง่กายภาพก่อน การมีสิ่งอำนวยความสะดวก ความทันสมัย เราก้าวทันเค้า แต่ผมยังอยากเห็นปประเทศไทยที่ยังรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นสังคมไทยเอาไว้ ปล้วเราก็อยากจะเห็นการแก้ปัญหาที่มันหมักหมมมานาน ๆ เรื่องเศรษฐกิจ ที่มันมีความเหลื่อมล้ำสูง อยากเห็นความเสมอภาคเท่าเทียมกันมากกว่านี้ มีสวัสดิการที่ดี โดยเฉพาะเรากำลังจะเป็นสังคมที่มีคนสูงวัยเยอะมาก การเมืองก็อยากให้ดีกว่านี้ อยากให้ลดการขัดแย้ง การสร้างการเกลียดชัง มาว่ากันด้วยเหตุด้วยผล
          ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.35-14.35น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
          คลิปสัมภาษณ์ มาร์ค อภิสิทธิ์ https://www.youtube.com/watch?v=OIiJRMhHJRQ&feature=youtu.be
 
 

ข่าวอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ+นายกรัฐมนตรีวันนี้

ฉลอง 54 ปีของชีวิตคู่ผู้มุ่งมั่นตอบแทนแผ่นดินไทย คุณโชติ โสภณพนิช พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เคียงข้าง ยั่งยืน มั่นคง เพื่อสังคม

บรรยากาศแห่งความสุขและมิตรภาพอบอวล ในงานฉลอง 54 ปี ภายใต้ธีม "เคียงข้าง ยั่งยืน มั่นคง เพื่อสังคม" โดยคุณโชติ โสภณพนิช นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูง และคู่ชีวิตตลอดกาล คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นักการเมืองรุ่นใหญ่ เป็นเจ้าภาพในการจัดงานที่เปี่ยมไปด้วยความหมายและเป้าหมายเพื่อสังคมไทย งานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ทั้งสองท่านต้องการแสดงความขอบคุณต่อแขกผู้มีเกียรติ ซึ่งรวมถึงบุคคลสำคัญจากวงการบ้านเมือง ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม, คุณอานันท์ ปันยารชุน, คุณชวน หลีกภัย, คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,

ในการสัมมนาเรื่อง "ผู้นำรุ่นใหม่ไทย กับปร... ประชาคมแห่งโชคชะตาร่วมกัน กับความสัมพันธ์ อาเซียน-จีน — ในการสัมมนาเรื่อง "ผู้นำรุ่นใหม่ไทย กับประชาคมแห่งโชคชะตาร่วมกัน อาเซียน-จีน" ที่จัดโดย สถานเอกอัค...

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (กลาง) ประธานที่ปร... iSAB เปิดหลักสูตร THE MASTER รุ่นที่ 6 ระดมนักบริหารระดับประเทศ ให้ความรู้ พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน — นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (กลาง) ประธานที่ปรึกษากิตติมศั...

ใกล้เข้ามาทุกทีกับวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. น... สำนักข่าวไทย จัดรายการพิเศษศึกเลือกตั้ง 62” วันที่ 21 ก.พ. นี้ หลังข่าวภาคค่ำ — ใกล้เข้ามาทุกทีกับวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. นี้ รวมถึงกระแสการเมืองกำลังเข้มข้...

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเป... สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล (Super Poll) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ลอยกระทง กับ ความอยากเลือกตั้ง — ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POL...

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เกียรติบรรยายพิ... ภาพข่าว: NIDA เปิดหลักสูตร นักบริหารการพัฒนาในยุคดิจิทัล DAD รุ่นที่2 — นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เกียรติบรรยายพิเศษ ในห้วข้อ "อนาคตประเทศไทย" ให้แก่นักศึ...

บสก.7 สถาบันอิศรา ชวนร่วมงานสัมมนาสาธารณะ “พลังโซเชียล เปลี่ยนการเมืองไทย...จริงหรือ?”

นายสุเมธ โตเกษร ประธาน ผู้อบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชน ด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ระดับกลาง (บสก.) รุ่นที่ 7 สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะผู้เข้าอบรม บสก.7...

บสก.7 สถาบันอิศรา จัดสัมมนาสาธารณะ “พลังโซเชียล เปลี่ยนการเมืองไทย...จริงหรือ?”

เสาร์ 17 มีนาคม 2561 เวลา 09:00 น. ณ ห้องประชุมสมภพ โหตระกิตย์ (5-2) ชั้น 5 อาคารสำนักอธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ระดับกลาง (บสก.)...