ดร. ทยากร จันทรางศุ วิศวกรชำนาญการ กรมโยธาธิการและผังเมือง ระบุว่าประเด็นสำคัญที่มีการแก้ไขกฎกระทรวง และ มยผ.ฉบับใหม่ ว่าด้วยการเพิ่มเติมบทนิยาม "บริเวณเฝ้าระวัง" หมายถึงบริเวณหรือพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบในระดับปานกลางและระดับสูงในด้านโครงสร้างอาคาร จังหวัดใดที่ควรควบคุม พื้นที่ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยที่ควรควบคุมทันทีหลังจากประสบภัย และการบังคับใช้หลังประกาศเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เป็นต้น โดยข้อพิจารณาในการออกแบบโครงสร้างเน้นเรื่องการจัดรูปทรงและผังอาคารให้มีเสถียรภาพในการต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ตลอดจนการกำหนดรายละเอียดชิ้นส่วนและรอยต่อระหว่างชิ้นส่วน รวมทั้งจัดให้โครงสร้างทั้งระบบอย่างน้อยมีความเหนียวเทียบเท่ากับความเหนียวจำกัดตามมาตรฐานประกอบการออกแบบอาคารเพื่อต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวของกรมโยธาธิการและผังเมือง หรือมาตรฐานว่าด้วยการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ได้รับการรับรอง
รศ.ดร.นคร ภู่วโรดม ประธานคณะอนุกรรมการผลกระทบจากแผ่นดินไหวและแรงลม วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า โครงการปรับปรุงมาตรฐานใหม่ มยผ. 1301/1302-61นี้ ด้วยทุนวิจัยสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มีสาระสำคัญตามมาตรฐานใหม่ คือ ปรับค่าระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวในรูปของความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัมทั่วประเทศ, ค่าความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัมสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่พิจารณาแอ่งดินลึก, ข้อกำหนดในการใช้โครงสร้างแบบความเหนียวจำกัด, ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ผนังอิฐก่อ, การออกแบบฐานราก, การให้รายละเอียดเหล็กเสริม, วิธีการออกแบบโครงสร้างด้วยวิธีสเปกตรัมผลตอบสนองและการปรับปรุงด้านอื่นๆ โดยได้ปรับแก้ไขค่าระดับความรุนแรงแผ่นดินไหวในรูปแบบของความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัมในพื้นที่ทั่วประเทศ ให้มีความถูกต้องแม่นยำและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น แสดงอยู่ในรูปของ "ความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัม" ซึ่งเป็นค่าความรุนแรงของแผ่นดินไหวต่อโครงสร้างในแต่ละพื้นที่และมีค่าแปรเปลี่ยนไปตามคุณลักษณะของอาคาร ซึ่งช่วยให้วิศวกรและผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถนำค่าตัวเลขเหล่านี้ไปใช้ออกแบบอาคารให้มีความแข็งแรงและต้องมี "ความเหนียว" โดยสามารถโยกไหวตัวเกินพิกัดยืดหยุ่นของโครงสร้าง และสลายพลังงานของการสั่นไหวในระดับที่เหมาะสม และอาคารไม่พังถล่มลงมา ในภัยพิบัติแผ่นดินไหว คนส่วนใหญ่บาดเจ็บเสียชีวิตจากการถูกหลังคาและผนังทับ มาตรฐาน มยผ.ใหม่นี้มีการเพิ่มเติม เช่น ผลจากผนังอิฐก่อ ที่เป็นบทเรียนจากแผ่นดินไหวที่ จังหวัดเชียงรายเมื่อ 5 พฤษภาคม 2557 มีการเพิ่มเติม ข้อแนะนำการออกแบบกำแพงโครงสร้างคอนกรีต และการออกแบบองค์อาคารที่ไม่ใช่โครงสร้างหลักต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว เป็นต้น
ศ. ดร. เป็นหนึ่ง วานิชชัย คณะอนุกรรมการผลกระทบจากแผ่นดินไหวและแรงลม วสท.กล่าวว่า แต่ละอาคารมี ค่าต้านทานแผ่นดินไหวต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน ประเภท ความสำคัญของอาคารที่มีต่อสาธารณชน และการบรรเทาภัยหลังเกิดเหตุ นอกจากนี้มาตรฐาน มยผ. 1301/1302-61 ยังสามารถใช้ค่าระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศในการออกแบบโครงสร้างต้านทานแผ่นดินไหวในรูปแบบสิ่งปลูกสร้างและสาธารณูปโภคอื่นๆด้วย เช่น การออกแบบโครงสร้างสะพาน เขื่อน โครงสร้างชลประทาน ถังน้ำ เสาส่งสัญญาณไฟฟ้า เสาส่งสัญญาณวิทยุ ป้ายโฆษณา โครงสร้างที่อยู่ใต้ดิน เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และโครงสร้างอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นลักษณะอาคาร นับเป็นการพัฒนาอาคารและการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคให้สอดคล้องรองรับปัญหาสภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดบ่อยขึ้น
ผศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ คณะอนุกรรมการผลกระทบจากแผ่นดินไหวและแรงลม วสท. กล่าวว่า คงจำกันได้ว่าเมื่อเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 มีศูนย์กลางที่เมืองพุกามในพม่า ปี 2016 คนกรุงเทพฯ บนตึกซึ่งอยู่ห่างกว่า 1,000 กิโลเมตร รู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหว โคมไฟแกว่ง เนื่องจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีลักษณะพิเศษคือ แผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นใต้กรุงเทพ แต่ได้รับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่อยู่ไกลออกไป อาจจะมาจากพม่า หรือทะเล กรุงเทพฯตั้งอยู่ในแอ่งลึก 800 เมตร สภาพชั้นบนเป็นดินอ่อนซึ่งสามารถจะขยายแรงแผ่นดินไหวที่ได้รับมากยิ่งขึ้น ระยะเวลาการสั่นก็จะยาวขึ้น ตัวอย่าง ในการวิจัยผลกระทบจากแผ่นดินไหวนั้นเรานำเอาคลื่นแผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้นจริงมาทดสอบจำลองกับพื้นที่กรุงเทพ พบว่าอาคารเตี้ยจะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ถึง 7.5 จากกาญจนบุรี ส่วนอาคารสูงจะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขนาด 8.5+ จากแนวมุดตัวแผ่นเปลือกโลก ( Subduction Zone) ในพม่า เป็นต้น
วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ได้สรุปผลดีและประโยชน์ของมาตรฐาน มยผ.1301/1302-61 ฉบับใหม่นี้ คือใช้ได้กับอาคารทุกประเภทได้ทั่วประเทศ โดยวิศวกร ผู้ออกแบบสถาปัตยกรรม ผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้เกี่ยวข้อง นำไปใช้ในการคำนวณและออกแบบก่อสร้างอาคารในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของประเทศไทย ให้มีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัยตามมาตรฐานวิศวกรรมสากล ทั้งนี้เจ้าของอาคารและผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบการออกแบบ ว่าถูกต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานสากลหรือไม่ ทั้งนี้ วสท. จะมุ่งเผยแพร่และจัดอบรมองค์ความรู้นี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พัฒนาเมืองที่คงทนยืดหยุ่น ควบคู่กับเพิ่มคุณค่างานวิศวกรรมที่ยั่งยืนและความน่าเชื่อถือให้กับวิศวกรไทย สามารถทำงานที่ท้าทายในระดับนานาชาติอย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน
"สมจิตร์ เปี่ยมเปรมสุข" STI รับมอบเกียรติบัตรในฐานะ "วิศวกรอาสา" ร่วมมือ กทม. ช่วยเหลือตรวจสอบอาคาร และให้คำแนะนำในเหตุการณ์แผ่นดินไหว
AIT ส่งทีมวิศวกรเข้าร่วมสำรวจโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี เพื่อตรวจสอบโครงสร้าง ความแข็งแรงและความปลอดภัยของอาคารเรียน
บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI จัดอบรมการใช้เครนอย่างปลอดภัยในการก่อสร้าง เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย
STI GROUP ร่วมสนับสนุนกิจกรรม วิศวกรอาสา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ผู้ประสบอุทกภัย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
SPU ปรบมือให้! ไกรศร วิเชียรสาร นศ.วิศวกรรมโยธา คว้ารางวัลเรียนดีจาก วสท. พร้อมได้รับเลือกเข้าค่ายอบรมสุดพิเศษ EIT-TOC Academic Camp 2024
นักศึกษา เก่ง! สาขาวิศวกรรมโยธา ม.ศรีปทุม เข้ารับพระราชทานเหรียญรางวัลเรียนดี ประจำปี 2566
"ซันโกร" ร่วมกับ วสท. พัฒนาตลาดพลังงานหมุนเวียนไทยอย่างมั่นคงและปลอดภัย