“มาร์ส” เร่งจัดการปัญหาโลกร้อน เปิดตัวโครงการใหม่ #PledgeForPlanet

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          - มาร์สประกาศพันธกิจใหม่ภายใต้โครงการ #PledgeForPlanet มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานโดยตรงให้มากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายหลักของความตกลงปารีส (Paris Agreement) นั่นคือ การสกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส 

          - มาร์สเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน รวมถึงผลักดันให้ซัพพลายเออร์รายใหญ่กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

          - แกรนท์ เอฟ. รี้ด ซีอีโอของมาร์ส สนับสนุนให้ทุกคน "ลงมือทำเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันตั้งแต่วันนี้ เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าเดิม"

          - โครงการ #PledgeForPlanet เปิดตัวพร้อมกับการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ (UN Climate Action Summit) ระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ และงาน Climate Week NYC โดยมีการจัดแสดงภาพฝาผนังของศิลปินดัง สตีเวน แฮร์ริงตัน ณ สวนสาธารณะไบรอันท์พาร์คในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งนักแสดงและนักร้องสาว วิกตอเรีย จัสติซ ได้มาชมผลงานพร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายลงมืออย่างเร่งด่วน 

          มาร์ส (Mars) ประกาศพันธกิจใหม่เพื่อเร่งแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการเปิดตัวโครงการ #PledgeForPlanet โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานโดยตรงให้มากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายหลักของความตกลงปารีส นั่นคือ การสกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส 

          พันธกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่มาร์สประกาศครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว นั่นคือ การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในการดำเนินงานภายในปี 2583 ปัจจุบัน ไฟฟ้ามากกว่าครึ่งหนึ่งที่บริษัทใช้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และบริษัทใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และเร็วๆนี้ในออสเตรเลีย มาร์สเล็งเห็นว่าภาคธุรกิจมีส่วนสำคัญในการสกัดกั้นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัทจึงริเริ่มโครงการ #PledgeForPlanet เพราะเห็นว่าเราต้องไปให้ไกลขึ้นและเร็วขึ้นเพื่อสร้างโลกที่แข็งแรงสมบูรณ์ให้เราทุกคนเจริญเติบโตไปด้วยกัน

          ภายใต้โครงการนี้ มาร์สไม่เพียงเร่งจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศภายในองค์กรเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นหุ้นส่วน ซัพพลายเออร์ และผู้คนทั่วโลกให้มาร่วมปฏิญาณตนปกป้องโลกและจัดการกับต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

          มาร์สเรียกร้องให้ซัพพลายเออร์ทุกรายเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ลงนามเข้าร่วมโครงการ RE100 ของ The Climate Group และมุ่งใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานโดยตรงในอนาคต โดยบริษัท Olam ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์จัดหาโกโก้และน้ำมันปาล์มให้กับมาร์ส ได้เข้าร่วมโครงการของมาร์สแล้ว

          แกรนท์ เอฟ. รี้ด ซีอีโอของมาร์ส กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามต่อสังคมอย่างแท้จริงและชัดเจน เช่นในธุรกิจของเรา เราเห็นแล้วว่าปัญหานี้อาจส่งผลต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรรายย่อยที่จัดหาวัตถุดิบส่วนใหญ่ให้กับเรา"

          "ความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อความยืดหยุ่นและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานและอนาคตของเกษตรกรที่ทำงานให้เราคือสิ่งที่เราใส่ใจที่สุด แต่ในฐานะธุรกิจครอบครัวที่คิดเผื่อคนรุ่นหลังและมุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลก ความรับผิดชอบและความปรารถนาของเราจึงไม่ใช่แค่การบรรเทาความเสี่ยงเท่านั้น แต่เราตั้งใจทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อโลกใบนี้"

          โครงการใหม่ล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มาร์สได้ทุ่มเงินลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ในการดำเนินกลยุทธ์ Sustainable in a Generation Plan เพื่อเร่งให้เกิดความก้าวหน้าในการรับมือกับภัยคุกคามของโลก ไม่จำกัดแค่การดำเนินงานโดยตรงของบริษัทเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วห่วงโซ่คุณค่าลง 27% ภายในปี 2568 และ 67% ภายในปี 2593

          คุณรี้ดกล่าวเสริมว่า "ในฐานะธุรกิจ เรามีความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ด้วยการเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ เราได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ที่เรียกร้องให้แก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ และเราทุกๆคนมีบทบาทในการสร้างความเปลี่ยนแปลง เราริเริ่มโครงการ #PledgeForPlanet เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนลงมือทำเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันตั้งแต่วันนี้ เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าเดิม"

          โครงการใหม่ตอกย้ำความรับผิดชอบร่วมกันของภาคธุรกิจ ภาครัฐ และประชาชนทุกคนทั่วโลก ในการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

          วิกตอเรีย จัสติซ นักแสดงและนักร้องสาว ผู้เคยเข้าร่วมการชุมนุม Moral Action on Climate Justice และผู้สนับสนุนมูลนิธิสหประชาชาติ (UN Foundation) ได้มีส่วนช่วยเปิดตัวโครงการ #PledgeForPlanet ด้วยการปฏิญาณตนปกป้องโลกและเซ็นชื่อลงบนภาพฝาผนัง

          เธอกล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่แห่งยุค แต่การกระทำง่ายๆ สามารถสร้างผลกระทบมหาศาล ฉันจึงร่วมมือกับมาร์สปฏิญาณตนปกป้องโลก และใช้ชื่อเสียงของฉันในการกระตุ้นให้คนทั่วโลกทำเช่นเดียวกัน เราทุกคนมีบทบาทในการปกป้องโลกเพื่อคนรุ่นหลังในอนาคต"

          ภาพฝาผนังดังกล่าวซึ่งสร้างสรรค์โดยศิลปินดัง สตีเวน แฮร์ริงตัน แสดงให้เห็นภาพโลกในอนาคตหากเราทุกคนช่วยกันลงมือทำอย่างเร่งด่วนเพื่อสกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ภาพดังกล่าวจัดแสดงต่อสาธารณชน ณ สวนสาธารณะไบรอันท์พาร์คในมหานครนิวยอร์ก ระหว่างงาน Climate Week NYC ก่อนจะย้ายไปจัดแสดงที่ M&M's World ในย่านไทม์สแควร์ 

          แฮร์ริงตัน ผู้เคยร่วมมือกับเจ้าของธุรกิจหลายรายรังสรรค์ผลงานศิลปะที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยและลงมือแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า "เมื่อคิดถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลายคนอาจรู้สึกว่าเกินกำลังหรือหมดหนทางแก้ไข แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป หากเราทุกคนตั้งใจทำเท่าที่ทำได้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เราก็สามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ ผมสร้างสรรค์ภาพฝาผนัง #PledgeForPlanet เพราะต้องการดึงดูดและกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแสดงให้เห็นว่าโลกของเรายังมีหวังหากเราทุกคนร่วมกันลงมือทำอย่างเร่งด่วน"

          - โครงการ #PledgeForPlanet ได้รับแรงบันดาลใจจาก ActNow Climate Campaign ของสหประชาชาติ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ โครงการนี้มุ่งกระตุ้นให้ทุกคนลุกขึ้นมาปกป้องโลกให้แข็งแรงสมบูรณ์เพื่อคนรุ่นหลัง ส่วน ActNow Climate Campaign เป็นโครงการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยใช้เครื่องมืออินเทอร์แอคทีฟที่เรียกว่า ActNow "bot" ช่วยให้ผู้คนเรียนรู้พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอน เช่น ใช้รถให้น้อยลง ซื้อของที่ผลิตในท้องถิ่นและตามฤดูกาล และอาบน้ำ 5 นาที เป็นต้น โดยมาร์สได้นำ ActNow "bot" มาใช้ภายในบริษัทในเครือทั่วโลก

          - ภายใต้โครงการใหม่นี้ มาร์สได้ดึงอินฟลูเอนเซอร์ในโลกโซเชียลมาช่วยกระตุ้นความสนใจและสร้างการมีส่วนร่วม เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกมาร่วมปฏิญาณตนปกป้องโลกที่ www.mars.com/pledgeforplanet และแชร์คำปฏิญาณบนโลกออนไลน์โดยใช้แฮชแท็ก #PledgeForPlanet

          หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ
          ภาพฝาผนังจะจัดแสดงที่สวนสาธารณะไบรอันท์พาร์คในวันที่ 23 กันยายน ก่อนที่จะย้ายไปยัง M&M's World ในย่านไทม์สแควร์ (1600 ถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ก)

          มีส่วนร่วมกับโครงการได้ที่ #PledgeForPlanet

          ซัพพลายเออร์รายแรกที่เข้าร่วมโครงการ #PledgeforPlanet ของมาร์ส
          ซันนี่ เวอร์กีส ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบริษัท Olam กล่าวว่า "สภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นและเกิดบ่อยขึ้นทั่วโลกทุกวันนี้ แสดงให้เห็นว่าเราต้องเร่งจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราจึงยินดีเข้าร่วมโครงการ #PledgeforPlanet ของมาร์ส และหวังว่าจะได้สร้างความร่วมมือกันในส่วนนี้ สำหรับ Olam เราได้ปรับเปลี่ยนวิธีการปลูก สรรหา และแปรรูปสินค้าของเรา เพื่อลดผลกระทบที่เราก่อขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด และร่วมมือกับเกษตรกรในการปรับตัวเพื่อรับแรงกดดันจากสภาพภูมิอากาศ"

          การสนับสนุนที่มีต่อโครงการ #PledgeforPlanet
          คาร์เตอร์ โรเบิร์ตส์ ประธานและซีอีโอขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) กล่าวว่า "เมื่อพูดถึงผู้นำในการจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศและรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แทบไม่มีบริษัทใดที่อุทิศตนให้กับเรื่องนี้ยาวนานกว่ามาร์ส และการเปิดตัวโครงการใหม่ในวันนี้ก็ตอกย้ำความมุ่งมั่นดังกล่าว มาร์สลุกขึ้นมากระตุ้นให้เราตระหนักว่าต้องสกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ทั้งยังนำการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรมาแบกรับการต่อสู้ครั้งนี้ ทาง WWF จะร่วมมือกับมาร์สต่อไปเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายอื่นๆ"

          เอมี่ เดวิดเซ่น จาก The Climate Group กล่าวว่า "มาร์สเป็นผู้บุกเบิกรายแรกในสหรัฐอเมริกาที่ปฏิญาณตนใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายใต้โครงการ RE100 ห้าปีต่อมา มาร์สยังคงเป็นผู้นำด้วยการกระตุ้นให้ซัพพลายเออร์เข้าร่วมโครงการและกำหนดเป้าหมายโดยอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งยังมีความสมเหตุสมผลทางธุรกิจ มาร์สตระหนักว่าความสามารถทางการแข่งขันในอนาคตขึ้นอยู่กับซัพพลายเออร์ที่มีประสิทธิภาพและใช้พลังงานสะอาด และตอนนี้เราต้องการให้บริษัทอีกหลายพันแห่งทำตามอย่างมาร์ส"

          มินดี้ ลับเบอร์ ซีอีโอและประธาน Ceres กล่าวว่า "โครงการ #PledgeForPlanet ของมาร์สสะท้อนความเร่งด่วนของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และเป็นโครงการที่ควรได้รับการยกย่อง แผนการใหม่อันยิ่งใหญ่นี้ทำให้มาร์สยังคงเป็นผู้นำความพยายามในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกระตุ้นให้ผู้อื่นเพิ่มความเข้มข้นในการลดการปล่อยคาร์บอนและลงทุนในพลังงานหมุนเวียน Ceres ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับมาร์สเพื่อสกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และสร้างอนาคตที่คาร์บอนเป็นศูนย์"

          ทอม เมอร์เรย์ รองประธาน EDF+Business กล่าวว่า "เราได้รับแรงบันดาลใจจากมาร์สและบรรดาผู้นำธุรกิจที่เพิ่มความเข้มข้นในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพยายามในการกระตุ้นให้ซัพพลายเออร์และลูกค้ามาร่วมต่อสู้ด้วยกัน เพื่อเอาชนะศึกนี้ บรรดาธุรกิจน้อยใหญ่ต้องลงมืออย่างรวดเร็วเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน เร่งเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด 100% และสนับสนุนนโยบายจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"

          เกี่ยวกับ #PledgeForPlanet 
          #PledgeForPlanet เป็นโครงการด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลกที่ริเริ่มโดยบริษัท มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด เพื่อช่วยปกป้องโลกและจัดการกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก ActNow Climate Campaign ของสหประชาชาติ โครงการนี้เรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันปกป้องโลกผ่านการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนหรือเดินไปทำงาน เพื่อสร้างโลกที่แข็งแรงสมบูรณ์และเจริญรุ่งเรืองสำหรับคนรุ่นหลัง โดยร่วมปฏิญาณตนได้ที่ www.mars.com/pledgeforplanet และแชร์คำปฏิญาณออนไลน์โดยใช้แฮชแท็ก #PledgeForPlanet

          เกี่ยวกับ มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด
          มาร์ส เป็นธุรกิจครอบครัวที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ โดยผลิตสินค้าและนำเสนอบริการอันหลากหลายทั้งสำหรับคนและสัตว์เลี้ยงแสนรัก มาร์สเป็นธุรกิจระดับโลกที่มียอดขายกว่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นเจ้าของแบรนด์อันเป็นที่โปรดปรานของผู้คนทั่วโลก ได้แก่ M&M's(R), SNICKERS(R), TWIX(R), MILKY WAY(R), DOVE(R), PEDIGREE(R), ROYAL CANIN(R), WHISKAS(R), EXTRA(R), ORBIT(R), 5(TM), SKITTLES(R), UNCLE BEN'S(R) และ COCOAVIA(R) นอกจากนี้ มาร์สยังดูแลสัตว์เลี้ยงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดทั่วโลกผ่านธุรกิจโภชนาการ สุขภาพ และบริการต่างๆ เช่น Banfield Pet Hospitals(TM), BluePearl(R), Linnaeus, AniCura, VCA(TM) และ Pet Partners(TM) บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ย่านแม็คลีนในรัฐเวอร์จิเนีย และดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ หลัก 5 ประการของบริษัท ได้แก่ คุณภาพ ความรับผิดชอบ ความสัมพันธ์ ประสิทธิภาพ และอิสระ เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ร่วมงานกว่า 125,000 คนของมาร์สตั้งใจทำสิ่งต่างๆ ทุกวัน เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่โลกใบนี้ คนทุกคน และสัตว์เลี้ยงทั้งหมดเติบโตไปด้วยกัน

          รับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาร์สได้ที่ www.mars.com หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ลิงก์อิน อินสตาแกรม และยูทูบ

          วิดีโอ - https://mma.prnewswire.com/media/999242/Mars_Planet_Pledge_D.mp4 
          รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/998911/MARS_Steven_Harrington_Mural.jpg
“มาร์ส” เร่งจัดการปัญหาโลกร้อน เปิดตัวโครงการใหม่ #PledgeForPlanet

ข่าวo:prnus+o:featวันนี้

THECO OF SHANGHAI AND TREXEL, INC. EMBARK ON GROUNDBREAKING COLLABORATION TO SPEARHEAD ADVANCEMENTS IN THE EV MARKET

THECO and Trexel, Inc. have entered into a formal partnership that aims to harness the collective strengths of both entities in the Electric Vehicle automotive sector. THECO is establishing an Advanced Pilot-Scale Production Innovation Center in Suzhou, China. This includes multiple advanced work cells with various molding machines and technologies including the MuCell(R) technologies. Both companies will jointly develop new solutions for the industry by leveraging Trexel's expertise in physical

THECO จากเซี่ยงไฮ้และ TREXEL, INC. เริ่มต้นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่เพื่อบุกเบิกความก้าวหน้าในตลาด EV

THECO และเทร็กเซล อิงค์ (Trexel, Inc.) ได้ลงนามเป็นหุ้นส่วนกันอย่างเป็นทางการโดยมีเป้าหมายเพื่อนำจุดแข็งร่วมของทั้งสองบริษัทมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า THECO...

ICANN เปิดตัวโครงการมอบทุนสนับสนุน มุ่งผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมอินเทอร์เน็ต

เตรียมมอบทุนให้แก่โครงการต่าง ๆ ที่สนับสนุนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ทั่วโลก องค์กรกำกับดูแลการจดทะเบียนชื่อและหมายเลขอินเทอร์เน็ต (Internet Corporation for Assigned Names and Numbers หรือ ICANN) ซึ่ง...

เปิดประมูลแร็กเกตราฟาเอล นาดาล ที่ใช้คว้าชัยเหนือเฟเดอเรอร์ ในรอบชิงชนะเลิศเฟรนช์โอเพนปี 2550

เพรสทีจ เมมโมราบิลเลีย (Prestige Memorabilia) ผู้นำระดับโลกด้านของที่ระลึกเกี่ยวกับเทนนิส มีความยินดีที่จะประกาศการประมูลของชิ้นประวัติศาสตร์แห่งวงการเทนนิส นั่นคือแร็กเกตที่ราฟาเอล นาดาล ใช้ทำแต้มชนะ...

Hard Rock International Breaks Ground on Hard Rock Hotel Athens

Editor's Note : Download the Hard Rock Hotel Athens groundbreaking ceremony images and b-roll HERE. Today, Hard Rock International, GEK TERNA Group and the Athens community celebrated the groundbreaking of the luxury resort in the heart...

Rafael Nadal's 2007 French Open Final Winning Racket Over Federer Up For Auction

Prestige Memorabilia, the global leader in tennis memorabilia, is thrilled to announce an auction featuring a remarkable piece of tennis history: Rafael Nadal's championship point winning racket from his 2007 French Open...

ICANN ANNOUNCES GRANT PROGRAM TO SPUR INNOVATION

Program will fund projects that support a secure, globally accessible Internet The Internet Corporation for Assigned Names and Numbers (ICANN), the nonprofit organization that coordinates the Domain Name System (DNS), announced today the ICANN Grant...

"เซนต์ดาลฟูร์" จับมือเชฟคนดัง "ปิแอร์ กาแญร์" เนรมิตเมนูอร่อยด้วยสเปรดเนื้อผลไม้เซนต์ดาลฟูร์

เซนต์ดาลฟูร์ (St Dalfour) ผู้สร้างสรรค์สเปรดเนื้อผลไม้ระดับพรีเมียมที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมายและเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั่วโลก มีความยินดีที่ได้ประกาศความร่วมมือกับ ปิแอร์ กาแญร์ (Pierre Gagnaire) ...

St Dalfour and Renowned Chef Pierre Gagnaire Join Forces to Craft Culinary Magic with St Dalfour Fruit Spreads

St Dalfour, the highly awarded and beloved creator of premium fruit spreads, is thrilled to announce an exciting and delectable partnership with world-renowned chef, Pierre Gagnaire. This...

"แซส" เผยมุมมองคาดการณ์อนาคตเอไอ 12 ประการสำหรับปี 2567 ไขความจริง หยุดความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเอไอ

เอไอจะไม่แย่งงานทั้งหมด และจะไม่ทำลายอารยธรรม แต่จะช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) นั้นอยู่ในทุก ๆ ที่ และมีการพูดคุยมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เอไอสามารถทำได้ และภัยคุกคามของ...