ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า NIA ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพในการนำนวัตกรรมมาต่อยอดและพัฒนาธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มธุรกิจดังกล่าวถือเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวสู่ "เศรษฐกิจ 4.0" ตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มของ GDP การจ้างงาน รวมทั้งภาพลักษณ์ที่ดีต่อความน่าลงทุนให้ทัดเทียมกับนานาชาติได้ แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันพบว่ายังมีเอสเอ็มอีจำนวนไม่น้อยที่ยังขาดการเข้าถึงนวัตกรรม และยังไม่สามารถนำองค์ความรู้ งานวิจัย รวมถึงกระบวนการที่แตกต่างมาสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้ ดังนั้น ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นความท้าทายที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต้องหันมาให้ความใส่ใจอย่างจริงจัง เพื่อสร้างโอกาสให้การทำธุรกิจเหล่านี้มีการเติบโตและแข่งขันได้มากขึ้นในอนาคต
ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า เพื่อให้แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริง และมีการนำไปใช้ในทางปฏิบัติมากขึ้น NIA จึงได้ริเริ่มโปรแกรมพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรมองค์กร หรือ Innovative Organization Program : IOP เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ เกิดความรู้และเข้าใจในการบริหารจัดการนวัตกรรมภายในองค์กร และทราบสถานะระดับความสามารถทางนวัตกรรมของตนเอง เพื่อให้สามารถกำหนดแผนงานด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่นำไปสู่การยกระดับส่วนงานต่างๆ ในธุรกิจได้มากขึ้น ทั้งนี้ โปรแกรม IOP มีการให้บริการเพื่อยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมกับองค์กรใน 3 ระดับคือ การประเมินศักยภาพนวัตกรรมขององค์กรด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ (Online Self Evaluation) การเข้าประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อระบุโอกาสในการพัฒนาศักยภาพ (On-site Assessment) และการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนานวัตกรรมองค์กร (Development Program)
"ที่ผ่านมาการวัดขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยพบว่า จุดอ่อนที่สำคัญคือการเข้าถึงนวัตกรรม จึงทำให้การแข่งขันของธุรกิจและอุตสาหกรรมยังปรับตัวได้ไม่เต็มที่ NIA จึงมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการตระหนักว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้ปฏิบัติงานในองค์กรได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ซึ่งในยุคปัจจุบันที่เรียกกันว่ายุคดิจิทัลนั้น ผู้คนมีแนวคิดและกรอบการดำเนินชีวิตที่มีความเป็นปัจเจก มักแสวงหาแนวทางใหม่อยู่เสมอ ดังนั้น "นวัตกรรม" จึงเป็นคำตอบสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้ทุกองค์กรเลิกมองว่านวัตกรรมเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องของคนเก่ง หรือเป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากทุกคนสามารถพัฒนาและออกแบบเพื่อปรับใช้ตามแนวทางที่เหมาะสมได้อย่างเท่าเทียมกัน"
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในโลกของการเปลี่ยนแปลง การแข่งขันที่ไร้พรหมแดน ยุคแห่ง Disruption การยกระดับและพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เข้มแข็ง สร้างความแตกต่างหรือความโดดเด่นต่อธุรกิจ การนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในองค์จึงมีความจำเป็นอย่างมาก ดังนั้น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงได้มอบหมายให้สถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) ทำหน้าที่ให้บริการด้านต่างๆ แก่สมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มากขึ้น เพื่อยกระดับศักยภาพสมาชิกให้สามารถแข่งในตลาดโลกได้นั้น จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง NIA และ SMI ในโปรแกรมพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรมองค์กรนี้ โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมและสร้างความรู้ ความเข้าใจ และขีดความสามารถด้านนวัตกรรมผ่านการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กร ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นโอกาสในการพัฒนาองค์กรไปในทิศทางที่ต้องการอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพด้วยนวัตกรรม"
นายปรีชา ส่งวัฒนา ประธานคณะกรรมการ SMI กล่าวว่า "สถาบัน SMI ได้ร่วมมือกับ NIA ในการพัฒนาและปรับปรุงระบบการประเมิน IOP ที่ NIA มีระบบอยู่แล้ว ซึ่งแต่ก่อนนี้ใช้กับผู้ประกอบการทั่วๆ ไป โดยเฉพาะรายใหญ่ที่จะเข้าสู่ตลาด MAI แต่ครั้งนี้ได้ร่วมมือกันในการพัฒนา IOP สู่ระบบ Online และปรับเนื้อหาให้ตรงกับSMEs มากขึ้น โดยเฉพาะ 8 มิติที่สำคัญ ได้แก่ 1.มิติด้านยุทธศาสตร์นวัตกรรม เป็นการวางยุทธศาสตร์และแผนงานด้านนวัตกรรมในระยะยาวสำหรับองค์กร 2.มิติด้านการมุ่งเน้นธุรกิจ เป็นการวางเป้าหมายการเติบโตด้านนวัตกรรมให้สอดคล้องกับบริบททางธุรกิจ 3.มิติด้านกระบวนการ เป็นการวางโครงสร้างกระบวนการด้านนวัตกรรมขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ 4.มิติด้านผลิตผล เป็นการวางแนวทางการติดตามและประเมินผลลัพธ์ด้านนวัตกรรมขององค์กร 5. มิติด้านบุคลากร เป็นการยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมของบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน 6.มิติด้านองค์ความรู้ เป็นการบริหารจัดการองค์ความรู้ที่สำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมทั้งจากภายในและภายนอก 7.มิติด้านวัฒนธรรม เป็นการสร้างวัฒนธรรมด้านนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการคิดและพัฒนาสิ่งใหม่ และ 8.มิติด้านทรัพยากร เป็นการออกแบบการจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสมเพื่อกิจกรรมนวัตกรรม"
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผู้ประเมิน (Innovation Assessor) จำนวน 23 ราย เพื่อให้คำแนะนำการพัฒนาด้านนวัตกรรมให้แก่ SMEs โดยเฉพาะ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมทดลองนำร่องกับเราเป็นจำนวน 20 กิจการ และมี 5 กิจการ ที่ได้นำผลการประเมินไปต่อยอดและพัฒนาองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม และภายหลังการเปิดตัวโปรแกรม IOP ทางสถาบัน SMI จะให้บริการแก่สมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-017-5555 เว็บไซต์ www.nia.or.th และสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต โทรศัพท์023451188 เว็บไซต์ www.smi.or.th
NIA จับมือ ส.อ.ท. โชว์ 10 ดีพเทคสตาร์ทอัพ เพิ่มดีกรีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ
ปตท.สผ. คว้ารางวัลสูงสุดจากเวที Climate Action Awards 2025 สะท้อนความโดดเด่นในการดำเนินงานด้าน Decarbonization
SAPPE ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ผนึกกำลัง TIPMSE และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในงานรวมพลังขับเคลื่อน EPR เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัตถุดิบ
"นิปปอนเพนต์" แบรนด์สีหนึ่งเดียวที่เหนือชั้นกว่า คว้ารางวัลเชิดชูเกียรติสูงสุด "Climate Action Excellence" โดย ส.อ.ท. พิสูจน์ความตั้งใจ การันตีองค์กรผู้นำด้านความยั่งยืนในทุกมิติ
OR ได้รับรางวัล Climate Action Excellence ตอกย้ำการเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตยั่งยืน
ส.อ.ท. จับมือ CBS-กสิกร-บพค. ยกระดับ SMEs ไทยสู่ SMART SMEs ด้วย Digital & AI
กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สอท. พร้อมดึงเทคโนโลยีเม็ดพลาสติกรีไซเคิล สนับสนุนอุตสาหกรรมไทยสู่ S-Curve หนุนทุกภาคส่วนนำพลาสติกใช้แล้วกลับมาเป็นวัตถุดิบครบวงจร
เบเยอร์คว้ารางวัล Climate Action Award ตอกย้ำผู้นำสีรักษ์โลกอันดับหนึ่ง มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero