ฟิทช์ เรทติ้งส์
ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial
Strength: IFS)  ของบริษัท
ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ที่ 'A-’ (หรืออยู่ในระดับ
“แข็งแกร่ง”) และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ
(National
IFS) ที่
'AAA(tha)’
โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
                    
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
การคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ
TLI
สะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจประกันชีวิตที่แข็งแรง
(Favourable
Business Profile) ฐานะทางการเงินที่แข็งแรงของบริษัท
และระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยลดแรงกดดันจากโครงสร้างการลงทุนและผลการดำเนินงานของบริษัทที่เผชิญกับสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นระยะเวลายาวนานและจากความผันผวนด้านราคาของเงินลงทุนในตราสารทุน
                                                                                                                            
อันดับเครดิตของ TLI แสดงถึงเครือข่ายทางธุรกิจในประเทศของบริษัทที่มีขนาดใหญ่
โดยบริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
แต่เมื่อพิจารณาเทียบเคียงกับบริษัทประกันชีวิตอื่นในระดับภูมิภาค TLI ยังคงมีขนาดของธุรกิจในระดับปานกลาง
บริษัทมีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีความหลากหลายและมีช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นจากช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายสาขาธนาคาร
(bancassurance)
ซึ่งช่วยสนับสนุนช่องทางเครือข่ายตัวแทนขายประกันชีวิตของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ดังนั้นฟิทช์จึงมีความเห็นว่าโครงสร้างธุรกิจประกันชีวิตของ TLI อยู่ในระดับที่แข็งแรง
(Favourable
business profile) เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทย
จากมุมมองดังกล่าว ฟิทช์จึงให้อันดับ 'a-’ ในด้านโครงสร้างธุรกิจประกันชีวิต
(business
profile credit factor score) แก่ TLI ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของฟิทช์  
                                                                                                                            
ฟิทช์คาดว่าระดับเงินกองทุนที่แข็งแรงของบริษัทจะช่วยรองรับความเสี่ยงที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ย
กำไรจากการดำเนินงานที่ลดลง และความผันผวนของตลาดทุนในระยะสั้นได้ TLI คาดว่าระดับของเงินกองทุนของ
TLI
ณ
สิ้นปี 2562
จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับของเงินกองทุน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ที่ 409%
ซึ่งการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่ระมัดระวังและการดำเนินงานที่ยังมีผลกำไรก็น่าจะช่วยสนับสนุนให้
TLI
มีระดับเงินกองทุนที่สูงกว่าเกณฑ์ได้
จากผลการประมาณการระดับเงินกองทุนตามแบบจำลอง Prism Factor-Based
Capital Model (Prism FBM) ของฟิทช์ TLI ยังคงมีฐานะเงินกองทุนอยู่ในระดับแข็งแกร่ง
('Strong’)
โดยประเมินจากข้อมูลทางการเงิน
ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2562 และ ณ สิ้นปี 2561
เนื่องจากระดับความเสี่ยงด้านสินทรัพย์และการรับประกันภัยของบริษัทที่ยังคงสมเหตุสมผล
                                                                                                                            
ผลการดำเนินงานของบริษัทกำลังถูกทดสอบจากสภาวะการดำเนินธุรกิจที่มีความท้าทายมากยิ่งขึ้นจากปริมาณธุรกิจใหม่ที่เติบโตช้าลง
อัตราส่วนต่างกำไรที่หดตัว และผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลง
ฟิทช์คาดว่าบริษัทจะปรับปรุงโครงสร้างผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาความสามารถในการสร้างผลกำไรของผลิตภัณฑ์และช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนด้านกำไรให้มีเสถียรภาพได้ในระยะยาว
อัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทระหว่างในปี 2559-2561 อยู่ที่ 2.2% และ ณ
สิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2562 อยู่ที่ 1.9%
ซึ่งสนับสนุนมุมมองของฟิทช์ว่า TLI ยังมีผลการดำเนินงานที่แข็งแรงสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์สำหรับบริษัทประกันชีวิตที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลที่ระดับ  'A’
                                                                                                                            
ฟิทช์คาดว่า TLI ยังคงจัดสรรเงินลงทุนอย่างระมัดระวังแม้ว่าบริษัทจะมีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยผลตอบแทนที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของตราสารหนี้
โดย TLI
ลงทุนในตราสารทุนที่
12%
ของเงินลงทุนรวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับการลงทุนเฉลี่ย
3 ปี ในช่วงปี 2559-2561 ที่ 11%
ระดับการถือครองตราสารหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับทรงตัวที่ 79%
ของเงินลงทุนรวมแต่บริษัทมีการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ภาครัฐเพื่อให้ได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น
                                                                                                                            
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลให้ปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้แก่
ฟิทช์อยู่ระหว่างการจัดทำสมมติฐานเพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์บริษัทประกันภัยที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต
โดยเน้นในด้านความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศต่างๆ
ทั่วโลก สมมติฐานนี้จะทดสอบปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ย
การลดลงของราคาตลาดของตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ และ
เครื่องมือทางตลาดทุนอื่นเพื่อใช้ในการลงทุนหรือเพื่อค้าของบริษัทประกันภัย
รวมถึงทดสอบสภาพคล่องของตลาดและระดับผลกระทบของ COVID-19
ต่อค่าสินไหมทดแทนหรือผลตอบแทนที่ต้องชำระตามกรมธรรม์ที่เกี่ยวข้อง
ฟิทช์มีแผนที่จะทำการประเมินผลกระทบ (pro-forma analysis) กับบริษัทประกันภัยแต่ละรายในแต่ละปัจจัยข้างต้นเพื่อใช้ผลประเมินดังกล่าวเทียบเคียงกับปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
(rating
sensitivities) ของบริษัท
โดยฟิทช์จะประกาศให้เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch-Negative)
หรือปรับลดอันดับเครดิต
หากการประเมินดังกล่าวมีผลลัพธ์บ่งชี้ว่าโครงสร้างเครดิตของบริษัทจะอ่อนแอลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปัจจัยที่อาจส่งผลให้ปรับลดอันดับเครดิต
(Negative
rating sensitivities) โดย TLI จะเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลกระทบในครั้งนี้ด้วย
                                                                                                                            
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (IFS Rating)
                                                                                                                            
- การปรับตัวลดลงของสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 280% และการปรับตัวลดลงของระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism FBM มาอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับแข็งแกร่ง ('Strong’) เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง หรือ
 - การปรับตัวลดลงของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่ต่ำกว่า 1% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
 
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating)
                                                                                                                            
- การปรับตัวลดลงของสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 280% และการปรับตัวลดลงของระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism FBM มาอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับแข็งแกร่ง ('Strong’) เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง หรือ
 - การปรับตัวลดลงของความสามารถในการทำกำไรซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่ต่ำกว่า 1% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
 
ปัจจัยที่อาจส่งผลให้ปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้แก่
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (IFS Rating)
                                                                                                                            
- การรักษาระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism FBM ให้อยู่ในระดับแข็งแกร่ง ('Strong’) อย่างต่อเนื่อง และ
 - บริษัทมีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นและมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ (business diversification) ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น บริษัทมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลากหลายประเภทธุรกิจมากขึ้น ธุรกิจมีการกระจายตัวเชิงภูมิศาสตร์ที่ดีขึ้น และช่องทางการขายมีความหลากหลายมากขึ้น
 
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ
(National
IFS Rating)
                                                                                                                            
- อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ TLI ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศที่ 'AAA(tha)’ เป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว
 
                            SME D Bank สถานะสุดแกร่ง 'ฟิทช์ เรทติ้งส์' ประกาศคงอันดับเครดิตสูงสุดในประเทศ ระดับ AAA(tha) ตอกย้ำบทบาทสำคัญ สนับสนุนเอสเอ็มอีไทยเติบโตยั่งยืน
                        
                            CIMB THAI ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในประเทศเป็น 'AA(tha)' จากฟิทช์ สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงิน ซัปพอร์ตจากธนาคารแม่ และบทบาทสำคัญในเวทีอาเซียน
                        
                            GPSC ปลื้มฟิทช์ปรับแนวโน้มขึ้นเป็น 'stable' และคงอันดับเครดิต องค์กรในประเทศ "A+" และสากล "BBB-" จากฟิทช์ เรทติ้ง สะท้อนศักยภาพการเงินที่มั่นคง การบริหารจัดการองค์กรมุ่งเติบโตยั่งยืน