ฟิทช์ เรทติ้งส์: อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลงส่งผลกดดันต่อบริษัทประกันชีวิตไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ระดับเงินกองทุนของบริษัทประกันชีวิตไทยอาจได้รับแรงกดดันจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง (risky assets) ที่เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนเงินกองทุนโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมน่าจะยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิมภายหลังเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนฉบับใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2563 เนื่องจากโดยภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตยังคงมีระดับเงินกองทุนที่ค่อนข้างแข็งแรง พอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำยังคงมีขนาดที่ใหญ่ และบริษัทมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างทันการณ์
          ฟิทช์คาดว่าบริษัทประกันชีวิตภายในประเทศจะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อชดเชยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวต่ำลง โดยบริษัทประกันชีวิตหลายแห่งได้ริเริ่มพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เช่น อาคารสำนักงาน หรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเชิงสุขภาพเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงและมีความสม่ำเสมอมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและในหลักทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นเพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งนี้บริษัทประกันชีวิตถือครองตราสารหนี้ภาคเอกชนรวมประมาณ 22% ของมูลค่าสินทรัพย์ลงทุนรวม และลงทุนในตราสารทุนและหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วนที่สูงกว่า 10% โดยอ้างอิงจากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2562 สำหรับสินทรัพย์อื่นที่บริษัทประกันชีวิตอาจลงทุนเพิ่มเติมประกอบด้วยตราสารต่างประเทศ เงินให้กู้ยืมจากกรมธรรม์ประกันชีวิต และการลงทุนทางตรงในโครงการอสังหาริมทรัพย์
          ดังนั้นฟิทช์จึงคาดว่าบริษัทประกันชีวิตภายในประเทศจะต้องดำรงเงินกองทุนเพิ่มเติมเนื่องจากค่าความเสี่ยงด้านการตลาดภายใต้เกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงระยะที่ 2 ที่มีความเข้มงวดเพิ่มขึ้น โดยค่าความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ได้รับการรับรองอาจเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 16%-50% จาก 16%-20% ภายใต้กรอบฯ ระยะที่ 1 และค่าความเสี่ยงจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่จะเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 9%-19% จาก 4%-16% ในขณะที่ค่าความเสี่ยงของสินทรัพย์โภคภัณฑ์จะเพิ่มเป็น 50% จาก 15% นอกจากนี้การพิจารณาความเสี่ยงด้านความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยก็จะมีความละเอียดของการทดสอบที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงค่าความเสี่ยงด้านการตลาดดังกล่าวยังคงสอดคล้องกับผลของการทดสอบผลกระทบเชิงปริมาณต่อบริษัทประกันชีวิตในปี 2560 ที่ระบุว่าความเสี่ยงด้านการตลาดเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อระดับของเงินกองทุนของธุรกิจประกันชีวิตภายใต้กรอบการดำรงเงินกองทุนฉบับใหม่ 
          ฟิทช์มีความเห็นว่าระดับเงินกองทุนเฉลี่ยของอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทยจะไม่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญแม้ว่าบริษัทประกันชีวิตที่ถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในปริมาณมากจะมีระดับเงินกองทุนที่ต่ำลงเมื่อกรอบการดำรงเงินกองทุนฉบับใหม่ที่มีความเข้มงวดเพิ่มขึ้นประกาศใช้ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงด้านสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้น่าจะถูกบรรเทาลงบางส่วนจากการที่บริษัทต่างๆ ยังคงลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งโดยภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิตไทยยังคงลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนเฉลี่ยมากกว่า 80% ของเงินลงทุนรวมตั้งแต่ปี 2558 โดยระดับของเงินกองทุนตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงฉบับที่ 1 ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2562 ที่ 387% นั้นยังคงสูงกว่าเกณฑ์ตามกฏหมายที่ 140% อยู่มาก
          นอกจากนี้ การดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจที่รัดกุมก็จะทำให้บริษัทประกันชีวิตสามารถบริหารระดับผลตอบแทนที่คาดหวังกับระดับของเงินกองทุนที่ต้องดำรงเพิ่มขึ้นได้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เช่น การลดปริมาณธุรกิจผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและการปรับปรุงอัตราการจ่ายค่านายหน้าประกันภัยและค่าใช้จ่ายในการขายให้มีความเหมาะสมมากขึ้นก็จะช่วยบรรเทาแรงกดดันต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษัทได้ ทั้งนี้การลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวเพิ่มเติม เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อย่างระมัดระวังก็จะช่วยให้ธุรกิจประกันชีวิตสามารถบริหารความแตกต่างระหว่างอายุสินทรัพย์และหนี้สิน (asset-liability mismatch) ได้ดียิ่งขึ้นและบรรเทาผลกระทบของความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยต่อระดับของเงินกองทุนที่บริษัทประกันชีวิตต้องดำรงตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนที่มีความเข้มงวดเพิ่มขึ้นได้
 
 
 

ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ประกันชีวิตไทยวันนี้

BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 - 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ "สถาบัน-รายใหญ่" วันที่ 9 - 14 พ.ค. นี้ รองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต

BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [ 4.75 5.10 ] % ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ "BBB (tha)" จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ คาดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 และ 13 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...