สภาอุตสาหกรรมฯ-สภาหอการค้าฯ-สถาบันอาหาร เผยส่งออกอาหารปี 62 หดตัว 3.8% ลุ้นปี 63 ฝ่าปัจจัยเสี่ยง ตรึงเป้า 1 ล้านล้านบาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          3 องค์กรด้านอุตฯอาหารเผย ปี 2562 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารของไทยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่ร้อยละ 2.0 ด้านการส่งออกสินค้าอาหารมีมูลค่า 1.02 ล้านล้านบาท หดตัวลงเช่นกันที่ร้อยละ 3.8 แต่ขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.2 ในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐ ด้วยมูลค่า 33,100 ล้านเหรียญสหรัฐ เหตุต้องเผชิญ 3 ปัจจัยหลัก ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การแข็งค่าของเงินบาท และราคาอาหารโลกที่ปรับตัวลดลง ชี้จีนก้าวขึ้นมาเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับที่ 1 ของไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มีมูลค่า 150,749 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.0 แทนที่กลุ่มประเทศ CLMV แนวโน้มปี 2563 การส่งออกในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐ ประเมินว่าจะมีมูลค่าราว 34,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ส่วนมูลค่าส่งออกในรูปเงินบาทยังคงขึ้นอยู่กับทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท มีโอกาสหดตัวลงร้อยละ 0.3 จนถึงขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 คาดอยู่ระหว่าง 1.02 – 1.06 ล้านล้านบาท 
          สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย//การแถลงข่าวร่วม 3 องค์กรเศรษฐกิจด้านธุรกิจเกษตรและอาหาร โดย สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าฯ และสถาบันอาหาร เผยข้อมูลภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารของไทยปี 2562 และแนวโน้มปี 2563 มีตัวแทนหลักของทั้ง 3 องค์กร ประกอบด้วย นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมให้รายละเอียดสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 
          นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในการประสานความร่วมมือของ 3 องค์กร ในส่วนของสถาบันอาหารจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานของ ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร หรือ Food Intelligence Center โดยมีสภาอุตสาหกรรมฯ และสภาหอการค้าฯ ร่วมบูรณาการข้อมูล พบว่า ในปี 2562 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารของไทยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยลดลงร้อยละ 2.0 การใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 57.8 ลดลงจากร้อยละ 58.7 ในปีก่อน เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ รายได้ครัวเรือนลดลง และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับภาคการส่งออกที่หดตัวลงตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า และราคาส่งออกสินค้าอาหารที่ลดลงกระทบต่อรายได้เข้าประเทศ 
          ด้านการส่งออกอาหารของไทยในปี 2562 มีมูลค่า 1,025,500 ล้านบาท หรือ 33,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวลงร้อยละ 3.8 ในรูปเงินบาท แต่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ในรูปดอลล่าร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 401,300 ล้านบาท หดตัวลงร้อยละ 0.1 โดยสินค้าอาหารส่งออกหลัก 
          6 รายการ ที่มีมูลค่าลดลง ได้แก่ ข้าว (-22.0%) น้ำตาลทราย (-13.7%) ปลาทูน่ากระป๋อง (-6.0%) แป้งมันสำปะหลัง(-2.8%) กุ้ง (-9.2%) และสับปะรด (-15.7%) ส่วนสินค้า 4 รายการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไก่ (+0.8%) เครื่องปรุงรส (+4.0%) มะพร้าว (+3.8%) และอาหารพร้อมรับประทาน (+4.6%) ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การแข็งค่าของเงินบาท และราคาอาหารโลกที่ปรับตัวลดลง เป็น 3 ปัจจัยหลักที่ฉุดมูลค่าส่งออกสินค้าอาหารไทยให้ลดต่ำลง
          "ในปี 2562 ที่ผ่านมา จีนก้าวขึ้นมาเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับที่ 1 ของไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แทนที่กลุ่มประเทศ CLMV โดยไทยส่งออกสินค้าอาหารไปจีนมูลค่า 150,749 ล้านบาท มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.0 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.7 ของมูลค่าการส่งออกอาหารทั้งหมด มีสินค้าส่งออกหลักที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าผักและผลไม้ ไก่สดแช่แข็ง รวมถึงกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง หากพิจารณาจากตลาดส่งออกหลักทั้ง 7 ตลาด ได้แก่ จีน CLMV ญี่ปุ่น อาเซียนเดิม สหรัฐฯ สหภาพยุโรป กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ(MENA) จะพบว่ามีเพียงตลาดจีน (+34.0%) MENA (+3.7%) และสหรัฐฯ (+0.5%) ที่มีการส่งออกเพิ่มสูงขึ้น โดยตลาดจีนและสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นเกิดจากอานิสงส์ที่ไทยได้รับจากสงครามการค้าระหว่างทั้งสองชาติ ส่วนตลาดอื่น ๆ หดตัวลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยภาพรวมการค้าอาหารโลกในปี 2562 ประเมินว่ามีมูลค่าราว 1.318 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวลงร้อยละ 0.6"
          นางอนงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารไทยปี 2563 ในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐคาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกราว 34,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ส่วนในรูปเงินบาทคาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 1,022,610 – 1,061,000 ล้านบาท โดยมีโอกาสหดตัวลงร้อยละ 0.3 จนถึงขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ และค่าเงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทาง ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทอยู่ระหว่าง 29.30 – 30.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกขยายตัวร้อยละ 3.4 กลุ่มสินค้าที่คาดว่ามูลค่าส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว(+0.5%) ไก่(+8.0%) ปลาทูน่ากระป๋อง(+6.3%) แป้งมันสำปะหลัง(+6.4%) กุ้ง(+4.2%) เครื่องปรุงรส(+7.5%) มะพร้าว(+6.0%) สับปะรด(+7.0%) และอาหารพร้อมรับประทาน(+5.5%) ส่วนที่คาดว่าจะลดลง คือ น้ำตาลทราย (-5.0%) 
          สำหรับปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไทยในปี 2563 ได้แก่ 1) เศรษฐกิจโลกในปี 2563 ค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ลดความตึงเครียดลง 2) จีนมีความต้องการนำเข้าสินค้าอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มากขึ้นหลังเกิดการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร 3) มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่กำลังจะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้เกิดความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น 4) เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการได้รับแรงหนุนจากแผนงานรัฐบาลปี 2563 
          ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ ได้แก่ 1) ต้นทุนการผลิตและการขนส่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงาน หากสงครามระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ปะทุและลุกลาม 2) ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Brexit เพราะจะเกิดความไม่ชัดเจนเรื่องกฎเกณฑ์สินค้า เงื่อนไขการค้า 3) ภัยแล้งจะกระทบทำให้ปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรวัตถุดิบในประเทศลดลง ราคาปรับตัวสูงขึ้น กระทบต้นทุนอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป 4) สินค้าอาหารของไทยบางรายการได้รับผลกระทบจากการถูกสหรัฐฯ ตัด GSP โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปจำพวกพาสต้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เกี๊ยว เป็นต้น 5) ภัยคุกคามจากการขยายตัวของสินค้าอาหารที่ผลิตจากพืชทดแทนเนื้อสัตว์(plant-based food product) ที่มีต่ออุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และอาหารทะเล 
          "การที่ค่าเงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทาง จึงอาจเป็นได้ทั้งปัจจัยสนับสนุน หรืออาจเป็นปัจจัยเสี่ยง คือ 1) มีแนวโน้มอ่อนค่าตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนผ่อนคลายลง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในเงินบาท และ2) แนวโน้มแข็งค่าขึ้นหากเครื่องชี้วัดด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของภาคธุรกิจ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่บ่งชี้กำลังซื้อ ตลาดแรงงานและตัวเลขตำแหน่งงานใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นต้น โดยค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงไปทุกๆ 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้มูลค่าส่งออกอาหารไทยเปลี่ยนแปลงไปประมาณ 35,000 ล้านบาท"
สภาอุตสาหกรรมฯ-สภาหอการค้าฯ-สถาบันอาหาร เผยส่งออกอาหารปี 62 หดตัว 3.8% ลุ้นปี 63 ฝ่าปัจจัยเสี่ยง ตรึงเป้า 1 ล้านล้านบาท
 
สภาอุตสาหกรรมฯ-สภาหอการค้าฯ-สถาบันอาหาร เผยส่งออกอาหารปี 62 หดตัว 3.8% ลุ้นปี 63 ฝ่าปัจจัยเสี่ยง ตรึงเป้า 1 ล้านล้านบาท
 
สภาอุตสาหกรรมฯ-สภาหอการค้าฯ-สถาบันอาหาร เผยส่งออกอาหารปี 62 หดตัว 3.8% ลุ้นปี 63 ฝ่าปัจจัยเสี่ยง ตรึงเป้า 1 ล้านล้านบาท
สภาอุตสาหกรรมฯ-สภาหอการค้าฯ-สถาบันอาหาร เผยส่งออกอาหารปี 62 หดตัว 3.8% ลุ้นปี 63 ฝ่าปัจจัยเสี่ยง ตรึงเป้า 1 ล้านล้านบาท
 
 
 

ข่าวอุตสาหกรรมอาหารของไทย+ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมวันนี้

ซีพีแรม เปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร

ซีพีแรม เปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร หวังเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมอาหารของไทย พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน เปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร เสริมแกร่งอุตสาหกรรมอาหารของไทย พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เป็นศูนย์กลางในการสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ห... พบกับ! ธีม "Sustainovation" ที่บูธ CPF ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ 2567 ตั้งแต่วันนี้-25 สิงหาคม — บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เครือ...

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอาหารแ... "กระทรวงพาณิชย์" ร่วมกับ NEA จัดกิจกรรมพัฒนาความรู้ผู้ประกอบการยุคใหม่ ในงาน THAIFEX - Anuga Asia 2023 — ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่อ...

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บ... CPF ยก "เทคโนโลยี" หัวใจสำคัญพลิกโฉมอุตฯ อาหารไทย ตอบรับ 5 เมกะเทรนด์โลก — นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด ...